เปิดเอกสาร “ประธานหอฯ” ลงนาม MOU เชื่อมไทย - ซาอุฯ

เปิดเอกสาร “ประธานหอฯ” ลงนาม MOU เชื่อมไทย - ซาอุฯ

“ สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผย ได้จัดทำ MOU เปิดทางเชื่อมสัมพันธ์การค้าไทย - ซาอุฯ ดันทุเรียนและผลไม้ขายในตลาดซาอุฯ และจัดโรดแมปการค้าสองประเทศ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่า ในงาน Saudi-Thai Investment Forum 2022 นั้นได้มีการทำบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย (Board of Trade of Thailand) และสภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย (Federation of Saudi Chambers) ซึ่งมีประเด็น 5 ด้านหลัก ๆ ร่วมกัน ดังนี้

1. เสนอให้สนับสนุนการจัดตั้ง Thai-Saudi Business Forum ระหว่างนักธุรกิจทั้งสองประเทศ

2. การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และการประชาสัมพันธ์สินค้า  เสนอให้หน่วยงานภาครัฐทั้งสอง สนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่อีกฝ่ายจัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าและความร่วมมือระหว่างกัน อีกทั้งยังเป็นการเสริมการรับรู้ในตัวสินค้าของทั้งสองประเทศให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยสภาหอฯ ได้เชิญชวนภาคเอกชนซาอุฯ เข้าร่วมงาน ThaiFex ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24-28 พ.ค. นี้ด้วย

 

เปิดเอกสาร “ประธานหอฯ” ลงนาม MOU เชื่อมไทย - ซาอุฯ

 

 

 

3. การให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนของภาคเอกชนของทั้งสองประเทศ ซึ่งภาครัฐของทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องระหว่างกัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการขยายมูลค่าการลงทุนของภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายในอนาคต

4. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่าการอำนวยความสะดวกสำหรับนักธุรกิจจะช่วยดึงดูดความสนใจให้ไทยและซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศเป้าหมายการลงทุนลำดับต้น ๆ ของนักธุรกิจของทั้งสองประเทศ

5. เสนอให้เร่งรัดการจัดทำความความตกลง FTA ระหว่างไทยและซาอุดิอาระเบีย เพื่อเป็นการกระตุ้นการค้าระหว่างกันให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นในระยะยาว ทั้งสองประเทศควรเปิดการเจรจาความตกลง FTA ระหว่างกันโดยเร็ว

นอกจากนั้น ยังมีการลงนาม MOU ของกระทรวงการลงทุน กับบริษัทเอกชน ทั้ง SCG, Gulf, Indorama, Minor Group และ ดุสิตธานี อีกด้วย 

สำหรับผลการ Business Matching โดยภาพรวมได้มีการหารือถึงโอกาสต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้เศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียมีการขยายตัวได้ดีมาก โดยไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา มี GDP เติบโตสูงถึง 9.6% 

> ด้านอาหารและผลไม้ ที่ทาง ซาอุดีอาระเบียสนใจมาก ๆ มีโอกาสที่จะนำทุเรียน ส่งออกมาพื้นที่นี้

> ด้านวัสดุก่อสร้างก็มีโอกาส สอดคล้องกับทางซาอุฯ ที่มีแผนการขยายเมือง 

>ส่วนกลุ่มยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็มีความสนใจ ที่จะไปดูโรงงานที่ประเทศไทย 

>การท่องเที่ยวก็ได้รับความสนใจที่จะ Connect กับประเทศไทย ซึ่งซาอุดีอาระเบียได้ตั้งเป้าที่ท้าทายมาก โดยปัจจุบันมีนักท่องเที่ยว 20ล้านคน จะเพิ่มให้ถึง 100 ล้านคน ในปี 2030 ดังนั้น ซาอุดีอาระเบียจึงต้องการเชื่อมและแลกเปลี่ยนความรู้กับประเทศไทย ซึ่งรวมถึงกลุ่มโรงพยาบาล Medical และ Welness ของประเทศไทย โดยสนใจที่จะเดินทางไปประเทศไทยเพื่อไปใช้บริการและเรียนรู้ระหว่างกัน 

>สำหรับเรื่องปุ๋ย ที่วันแรกได้มีการเกริ่นกับ รมว.ต่างประเทศ นั้น วันนี้ ทางท่านดอนฯ ได้กล่าวกับทาง รมว.ต่างประเทศ Prince Faisal bin Farhan Al Saud  เช่นกัน โดยได้ย้ำเป็นเรื่องแรกที่หารือกัน ซึ่งส่วนนี้เชื่อว่า จะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยให้กับเกษตรกรได้ เป็นการ secure source of supply ทำให้ลดความเสี่ยงที่พึ่งพาปุ๋ยจากไม่กี่แหล่งเท่านั้น

ความสำเร็จจากเดินทางมาครั้งนี้ คงสามารถต่อยอดได้อีกเยอะมาก ซึ่งภาคเอกชนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า เกินความคาดหวังและประทับใจมากๆ หลังจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ซึ่งภาครัฐและเอกชนของทั้งสองฝ่าย มีความกระตือรือล้นและมีความจริงใจ ตั้งใจที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด