ดาวโจนส์ร่วง 326 จุดหลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อสูงกว่าคาด

ดาวโจนส์ร่วง 326 จุดหลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อสูงกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันพุธ(11พ.ค.)ปรับตัวลง 326 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด แม้ต่ำกว่าเดือนมี.ค. แต่ก็ยังคงใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 326.63 จุด หรือ 1.02% ปิดที่ 31,834.11 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 65.87 จุด หรือ 1.65% ปิดที่ 3,935.18 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 373.43 จุด หรือ 3.18% ปิดที่ 11,364.24 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 100 จุดในช่วงแรก ก่อนที่จะพลิกพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในเวลาต่อมา แต่ล่าสุดได้ร่วงลงกลับสู่แดนลบ

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% แต่ต่ำกว่าระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524

นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% แต่ต่ำกว่าระดับ 1.2% ในเดือนมี.ค.

ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.0% แต่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4% และสูงกว่าระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค.

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยังถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 3% ในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

นักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยคาดว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม