ยูเครนขอโทษญี่ปุ่นปมโยงจักรพรรดิกับฮิตเลอร์

ยูเครนขอโทษญี่ปุ่นปมโยงจักรพรรดิกับฮิตเลอร์

รัฐบาลยูเครนออกแถลงการณ์ขอโทษสำหรับวิดีโอที่แชร์บนทวิตเตอร์ ที่นำพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะของญี่ปุ่น ไปใช้ร่วมกับภาพ“อดอล์ฟ ฮิตเลอร์”และ“เบนิโต มุสโสลินี” พร้อมคำบรรยายว่า “ลัทธิฟาสซิสต์และลัทธินาซีพ่ายแพ้ในปี 2488”

"เราไม่มีเจตนาที่จะล่วงเกินมิตรชาวญี่ปุ่น" รัฐบาลยูเครนระบุผ่านบัญชีทวิตเตอร์ @Ukraine เมื่อวันเสาร์ (23 เม.ย.) หลังจากวิดีโอต้นฉบับที่แชร์เมื่อวันที่ 1 เม.ย. วิพากษ์วิจารณ์การรุกรานยูเครนของรัสเซียว่าเป็น "การเหยียดเชื้อชาติร่วมสมัยโดยรัสเซียและใช้รูปภาพของทั้ง 3 ในการบรรยายถึงลัทธินาซีและฟาสซิสต์

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ท่ามกลางปฏิกิริยาตอบโต้ที่รุนแรงจากผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่น “เซอร์เก คอร์ซุนสกี” เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศญี่ปุ่น ทวีตขอโทษในวันจันทร์(25 เม.ย.) โดยกล่าวว่า ผู้สร้างวิดีโอดังกล่าวขาดความเข้าใจในประวัติศาสตร์

ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่น แถลงว่า ญี่ปุ่นได้ร้องขออย่างเป็นทางการผ่านช่องทางการทูตให้ลบพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จจักรพรรดิฮิโรฮิโตะออกจากวิดีโอ

“โยชิฮิโกะ อิโซซากิ” รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องไม่ควรและน่าเสียใจอย่างยิ่ง พร้อมกับกล่าวว่า ยูเครนได้ลบพระบรมฉายาลักษณ์ออกตามคำขอแล้ว และญี่ปุ่นยังคงสนับสนุนชาวยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง หลังเกิดการรุกรานจากรัสเซีย

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 19 เม.ย.รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น แถลงว่า ญี่ปุ่นเตรียมส่งมอบหน้ากากและชุดป้องกันอาวุธเคมี รวมทั้งโดรนให้ยูเครน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย

"โนบุโอะ คิชิ" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่น แถลงว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อตอบสนองการร้องขอจากรัฐบาลยูเครน พร้อมเสริมว่า กระทรวงจะส่งมอบอุปกรณ์ดังกล่าวผ่านเที่ยวบินพาณิชย์ทันทีที่พร้อม
 

ขณะที่สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลว่า รัสเซียอาจใช้อาวุธเคมีโจมตียูเครน

       คิชิ กล่าวว่า “เราจะยังคงให้การสนับสนุนรัฐบาลยูเครนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เมื่อเดือนที่แล้ว ญี่ปุ่นได้ส่งเสื้อเกราะกันกระสุน, หมวกนิรภัย และชุดรบฤดูหนาวให้ยูเครน หลังจากที่รัฐบาลปรับแก้แนวปฏิบัติด้านการส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันเพื่อให้สามารถขนส่งได้

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(12 เม.ย.) ญี่ปุ่นเริ่มสั่งห้ามนำเข้าสินค้า 38 รายการจากรัสเซีย รวมถึงวอดก้า และผลิตภัณฑ์ไม้บางชนิด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย

สินค้าที่ถูกแบนคาดว่าจะมีมูลค่าราว 1.6 หมื่นล้านเยน (125 ล้านดอลลาร์) คิดเป็นประมาณ 1.1% ของยอดการนำเข้าของญี่ปุ่นจากรัสเซีย

“ฮากิอูดะ โคอิจิ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม กล่าวว่า ชาวญี่ปุ่นกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตยูเครนต่อชีวิตและกิจกรรมทางธุรกิจของพวกเขา อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบและสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น นอกเหนือจากมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในชาติพันธมิตรของสหรัฐในเอเชียที่ให้การสนับสนุนยูเครนมาตั้งแต่ต้นของการถูกรัสเซียรุกราน และเมื่อวันที่24 เม.ย.ที่ผ่านมา “แอนโทนี บลิงเคน” รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ และ“ลอยด์ ออสติน” รัฐมนตรีกลาโหม ได้เดินทางเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน โดยทั้งสองคนได้ร่วมหารือกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะส่งความช่วยเหลือแก่ยูเครนในการสู้รบกับรัสเซียเพิ่มอีกกว่า 300 ล้านดอลลาร์

การเดินทางเยือนกรุงเคียฟครั้งนี้ ถือเป็นการเดินทางเยือนของผู้นำระดับสูงที่สุดของสหรัฐ นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากให้เงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแล้ว สหรัฐยังขายอาวุธมูลค่า 165 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครนด้วย

ขณะที่เว็บไซต์วีโอเอนิวส์รายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเสนอชื่อ  ให้บริดเจ็ต บริงค์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสาธารณรัฐสโลวักเป็นเอกอัครราชทูตประจำยูเครน

รายงานข่าวระบุด้วยว่าผู้สื่อข่าวที่ร่วมเดินทางไปกับบลิงเคน และออสตินที่ประเทศโปแลนด์ ถูกสั่งห้ามไม่ให้รายงานเกี่ยวกับการเดินทางเยือนกรุงเคียฟ จนกว่าทั้งสองจะเดินทางออกจากยูเครน เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย