‘ไอบีเอ็ม’ ยกพลัง ‘เอไอ-ไฮบริดคลาวด์’ กุญแจเพิ่มความสำเร็จธุรกิจยุคใหม่

‘ไอบีเอ็ม’ ยกพลัง ‘เอไอ-ไฮบริดคลาวด์’ กุญแจเพิ่มความสำเร็จธุรกิจยุคใหม่

การพลิกโฉมธุรกิจไปสู่มิติใหม่ของการเติบโต เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ทำให้องค์กรต่างๆ ในประเทศไทยต้องเร่งแผนการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในหลากหลายมิติ...

สุรฤทธิ์ วูวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มเทคโนโลยี บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทย จำกัด แสดงวิสัยทัศน์ว่า เทคโนโลยีเข้าไปมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและสร้างการเปลี่ยนแปลงในทุกอุตสาหกรรม โดยขณะนี้ที่มีบทบาทมากที่สุดคือ เอไอและไฮบริดคลาวด์

การสำรวจ Global AI Adoption Index 2022 ชี้ให้เห็นว่า องค์กร 35% เริ่มนำเอไอมาใช้ในธุรกิจแล้ว ขณะที่ 42% กำลังสำรวจแนวทางในการนำเอไอมาใช้ โดยอุตสาหกรรมการเงิน สื่อ พลังงาน ยานยนต์ น้ำมัน และการผลิต คือกลุ่มที่มีรายงานการนำเอไอไปใช้มากที่สุด

ผลการศึกษาโดยไอบีเอ็มเผยว่า ผู้บริหารระดับสูงในไทยมีมุมมองว่า “หมดยุคการใช้งานคลาวด์จากผู้ให้บริการรายเดียว” ปีที่ผ่านมาจึงไม่มีผู้บริหารไทยแม้แต่รายเดียวที่ระบุว่ายังใช้คลาวด์จากผู้ให้บริการรายเดียว หรือยังใช้ Public Cloud เพียงอย่างเดียวอยู่

สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจากนี้ “ไฮบริดคลาวด์จะกลายเป็นสถาปัตยกรรมไอทีที่มีการใช้งานและมีความสำคัญสูงสุด” โดย 85% มองว่าเวิร์กโหลดที่สามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่ติดกับดัก lock-in ของผู้ให้บริการรายเดียวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของโครงการด้านดิจิทัล

ชู 3 กลยุทธ์หนุนพาร์ทเนอร์

สำหรับไอบีเอ็ม ปีนี้มุ่งยกระดับการสนับสนุนพาร์ทเนอร์ใน 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1.การเสริมศักยภาพเพื่อให้พาร์ตเนอร์ของไอบีเอ็มเป็น “ผู้ให้บริการและส่งมอบผลิตภัณฑ์ด้านเอไอและไฮบริดคลาวด์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม”

โดยที่จะให้ความสำคัญอย่างมากคือการเพิ่มทีม อาทิ เพิ่มทีมสนับสนุนสำหรับแต่ละกลุ่มโซลูชันในอีโคซิสเต็มเป็นสองเท่า, เพิ่มทีมด้านเทคนิค 35% เพื่อสนับสนุนพาร์ทเนอร์

2.การสนับสนุนด้านทักษะ ทรัพยากร และความเชี่ยวชาญ เพื่อให้พาร์ตเนอร์สามารถนำโซลูชันของไอบีเอ็มไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ (build) บริการ (service) และมีความพร้อมในการส่งมอบผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า (sell)

โดยการสนับสนุนหลักๆ อาทิ การเทรนทักษะด้านเอไอและไฮบริดคลาวด์ พร้อมสอบแบดจ์ต่างๆ รวมถึงการเทรนเรื่อง จริยธรรมทางเทคโนโลยีและเอไอ แก่พาร์ตเนอร์ 1,000 รายทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย

นอกจากนี้ Client Innovation Center เปิดโอกาสให้พาร์ตเนอร์เข้ามาร่วมกันทำ proof-of-concept เวิร์คช็อป และออกแบบแนวทางเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ สร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ทั้งจะมีการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับพาร์ตเนอร์ ผ่าน Cloud Engagement Funds และ Market Development Funds

3.การ co-create และสร้าง MVP ร่วมกันกับพาร์ตเนอร์และลูกค้า ผ่านทางการทำงานร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญ IBM Client Engineering ในแนวทางอไจล์ เพื่อทำความเข้าใจปัญหาของลูกค้า และพัฒนาแนวทางที่จะช่วยตอบโจทย์นั้นๆ ภายในระยะเวลา 6-8 สัปดาห์

ทีม Client Success Manager จะเป็นทีมสนับสนุนหลังการขายที่เข้าช่วยลูกค้าให้สามารถใช้งานซอฟต์แวร์ไอบีเอ็ม อาทิ Cloud Pak for Data ได้อย่างเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

พลิกโฉมองค์กรด้วย 5 มิติ

ปีนี้ไอบีเอ็มได้กำหนดกลยุทธ์ในการจับมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อเร่งนำเทคโนโลยีเอไอและไฮบริดคลาวด์เข้าสนับสนุนองค์กรไทยใน 5 มิติ ประกอบด้วย

1. Predict หรือการคาดการณ์ทางธุรกิจเพื่อช่วยองค์กรสร้างความสำเร็จบนพื้นฐานของข้อมูล, 2.การ Automate ในสเกลใหญ่เพื่อเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพ, 3.การช่วย Secure ในทุกระบบและช่องทางด้วยเทคโนโลยีและบริการด้านซิเคียวริตี้ระดับโลกที่ครบวงจรจากไอบีเอ็ม

ขณะที่ 4.การ Modernize ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ให้องค์กรพร้อมเดินหน้าทำธุรกิจบนสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดคลาวด์และ 5.การช่วยองค์กร Transform ด้วยโมเดลธุรกิจดิจิทัลใหม่ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

ที่ผ่านมา ไอบีเอ็มได้เริ่มมีการจับมือพาร์ตเนอร์นำกลยุทธ์ทั้ง 5 มิติเข้าร่วมสนับสนุนสนุนองค์กรไทยแล้ว ซึ่งมีส่วนสำคัญทำให้องค์กรสามารถแก้ “Pain Point” ที่มี ขณะเดียวกันสามารถพัฒนานวัตกรรม โมเดลธุรกิจใหม่และเกิดเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

Predict : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำโซลูชันการจัดการสินทรัพย์บนพื้นฐานของเทคโนโลยีเอไอไปยังโรงไฟฟ้าทั่วประเทศ ครอบคลุมอุปกรณ์สำคัญที่มีมูลค่าสูงของทั้งโรงไฟฟ้าหลักและโรงไฟฟ้าหมุนเวียน

โดยข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับการบูรณาการจากทั่วทั้งโรงไฟฟ้า ทำให้กฟผ. สามารถคาดการณ์การใช้งานและการซ่อมบำรุง รวมถึงการบริหารจัดการอุปกรณ์คงคลังได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ลดการจัดซื้ออุปกรณ์ใหม่และการใช้พื้นที่จัดเก็บอุปกรณ์โดยไม่จำเป็นลง

อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยการนำแมชีนเลิร์นนิงเข้ามาใช้ ช่วยให้กฟผ.เห็นค่า “health scoring” ของอุปกรณ์ต่างๆ และอายุการใช้งานของแต่ละชิ้นส่วนได้แบบเรียลไทม์ ระบบที่มอนิเตอร์และแจ้งเตือนเมื่อพบการทำงานผิดปกติของเซ็นเซอร์ นำไปสู่การลดโอกาสของการหยุดทำงาน การหยุดชะงัก และการล้มเหลวของระบบโดยไม่คาดคิด

ขณะที่ความสามารถในการคาดการณ์การบำรุงรักษาล่วงหน้า ยังช่วยลดเวลาที่เจ้าหน้าที่ตรวจการของกฟผ. ต้องใช้ในการมอนิเตอร์อุปกรณ์ต่างๆ ลง โดยระบบดังกล่าวติดตั้งโดย บริษัท ทริปเปิลดอท คอนซัลติ้ง จำกัด

เติมเต็มประสบการณ์ รักษาฐานลูกค้า

Automate : บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) นำเทคโนโลยี “Robotic Process Automation (RPA)” ของไอบีเอ็มเข้าสนับสนุนการจัดจำหน่ายสินค้าออนไลน์บนเว็บไซต์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ตั้งแต่การโหลดข้อมูลยอดขาย การตัดสต๊อกสินค้า เปิดบิล จัดทำใบเสร็จ รวมถึงบริหารจัดการการส่งสินค้า

โดยระบบที่ติดตั้งโดย บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นอกจากจะทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดระยะเวลาที่ต้องใช้ในงานแต่ละกระบวนการ อันนำสู่การลดค่าใช้จ่าย และช่วยให้พนักงานสามารถหันมาโฟกัสที่การบริการลูกค้าแทนที่จะต้องใช้เวลาจำนวนมากไปกับงานที่มีขั้นตอนซ้ำๆ

นอกจากนี้ เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น ยังได้นำเทคโนโลยีด้านการตรวจสอบและติดตามข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลง เข้าสนับสนุนบริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้สามารถพัฒนาบริการบนพื้นฐานของข้อมูลล่าสุดที่มีความถูกต้อง นำสู่การสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทในการเปิดให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินที่เป็นธรรมและโปร่งใส ที่มีความเรียบง่าย สะดวก และรวดเร็ว

Secure : ไซเบอร์ อีลีท จับมือ ไอบีเอ็ม ยกระดับเทคโนโลยี Threat Intelligence เพื่อเสริมความสามารถในการรับรู้เทรนด์ของภัยคุกคามล่าสุด เพื่อให้ระบบตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามไซเบอร์ได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

โดยการผนวกเทคโนโลยี SOAR, SIEM และ UEBA ระดับโลกของไอบีเอ็ม เข้ากับความเข้าใจในสภาพแวดล้อมของภัยคุกคามไซเบอร์ในไทยเป็นอย่างดีของไซเบอร์ อีลีท จะช่วยองค์กรจัดการความเสี่ยงและป้องกันภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ยกระดับไอที ทรานส์ฟอร์มธุรกิจ

Modernize : ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) นำระบบ IBM Power ที่ติดตั้งโดย เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น เข้ารองรับระบบ Core Banking เพื่อรองรับการทำธุรกรรม อาทิ โมบายล์แบงค์กิง อินเตอร์เน็ตแบงค์กิง การชำระเงิน ฯลฯ ของลูกค้าหลายล้านรายทั่วประเทศให้เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ภายใต้ความเสถียรและปลอดภัยสูงสุด พร้อมเทคโนโลยีสตอเรจ IBM FlashSystem ที่ช่วยติดสปีดการบริหารจัดการข้อมูล ช่วยให้ธนาคารสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป พร้อมรองรับการทำงานเชื่อมต่อแบบไฮบริดคลาวด์และก้าวย่างสู่โลกดิจทัลเต็มตัว

Transform : บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) นำเทคโนโลยีระดับโลกเข้าสนับสนุนระบบ “retail core system” เพื่อรองรับการสร้างประสบการณ์การชอปปิงที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคลและไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ภายใต้มาตรฐานไซเบอร์ซิเคียวริตี้ที่ระดับความปลอดภัยสูงสุด

โดยนอกจากระบบ IBM Power10 ที่ติดตั้งโดย เน็คเทค ซิสเท็ม เซอร์วิส จะรองรับการใช้เอไอและอนาไลติกส์ขั้นสูงเพื่อสนับสนุนการส่งมอบสินค้าผ่านโซลูชันที่ทันสมัยและบริการที่ดีให้แก่ลูกค้าแล้ว ยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานปฏิบัติการและลดการใช้พลังงาน สนับสนุนเป้าหมายของบิ๊กซีในแง่การเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมรองรับการขยายสาขาเพิ่มทั้งในและต่างประเทศในวันนี้และอนาคต