อัปเดตนวัตกรรม NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY โครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานใหญ่อัปเดตนวัตกรรม NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY เปิดมุมมองโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ แห่งปี 2026 ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ชูมาตรฐานเหนือชั้น เตรียมรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคต
พรมแดนใหม่แห่งเทคโนโลยี ขั้นกว่าแห่งศักยภาพ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา จัดงานยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีกับอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อกับงาน NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY เปิดเวทีถ่ายทอดภาพรวมทิศทางเทคโนโลยี ที่เป็นจุดรวมทุกความล้ำหน้า และอนาคต พร้อมฉายโซลูชันด้าน Digital Infrastructure ที่ทรงพลัง และมีมาตรฐานเหนือกว่า พลิกโฉมเตรียมรับเศรษฐกิจโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเข้มข้นแห่งปี 2026 ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LINK AMERICAN CABLING จากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอบโจทย์ทุกการเชื่อมต่อของการสื่อสารอย่างไร้ขีดจํากัด ด้วยสายสัญญาณ LAN, สาย FIBER OPTIC, สาย COAXIAL, สาย SOLAR, และสาย SECURITY & CONTROL และอีกมากมาย โดยมี การรับประกันผลิตภัณฑ์ 30 ปี จัดงานยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY : OPEN LAB UPDATE INNOVATION สะท้อนแนวคิด “OPEN LAB”
โดยการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่ระบบสายสัญญาณมาตรฐานสากลที่ครบวงจรโซลูชัน เครือข่ายความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูล (DATA CENTER) ไปจนถึงอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่จะมาตอบโจทย์โครงสร้าง และรองรับการทำงานของเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, CLOUD COMPUTING, BIG DATA เป็นต้น โดย LINK AMERICAN CABLING และ GERMAN RACK ได้นำประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญจากการพัฒนาโซลูชันที่เหนือกว่าในระดับอุตสาหกรรม มาถ่ายทอดเป็นมุมมองเชิงกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีกับการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ดีป้า ผนึก BDI–TCT ปั้นท่องเที่ยวไทยยุคใหม่ ดัน Big Data–AI ยกระดับแข่งขันโลก
เทคโนโลยีเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่
ภายในงานนี้ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจาก LINK AMERICAN และ 19” Germany Export Rack มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกในหลากหลายสาขาโซลูชัน โดยมี นายธนากร ชนะวงศ์วิสุทธิ์ Network Engineering Manager ได้ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างมืออาชีพด้าน Data Center Interconnect Solution อธิบายถึงโครงสร้างระบบ และเทคโนโลยีสำคัญที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งต้องรองรับความเสถียร ความเร็วสูง และความปลอดภัยในระดับองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอุปกรณ์ไปจนถึงการบริหารจัดการเครือข่าย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแบบองค์รวม
ทั้งนี้ ยังเน้นย้ำถึงสาระสำคัญของการลงทุนด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ไม่อาจพิจารณาเพียงอุปกรณ์ปลายทาง หรือ ซอฟต์แวร์ แต่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะระบบสายสัญญาณ และ DATA CENTER ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการความเร็วระดับ 400G – 800G รวมถึงการออกแบบระบบที่ต้องรองรับการขยายตัวในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ
รู้จักนวัตกรรมด้าน Optical Transceiver
นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอแนวคิดการออกแบบระบบสายสัญญาณ และโครงสร้างเครือข่ายยุคใหม่ที่พัฒนาภายใต้มาตรฐานระดับสากล โดยใช้ Fiber Optic เป็นแกนหลักของการเชื่อมต่อ ตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพของโซลูชัน DOUBLE Q SERIES : Fiber Optic Cabling Solution เทคโนโลยีสายใยแก้วนำแสงที่ได้รับการออกแบบ และพัฒนา เพื่อรองรับความต้องการด้านการสื่อสารในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยนำเสนอภาพรวมของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ก้าวล้ำในทุกมิติ ทั้งด้านความแข็งแรง ทนทาน ความเสถียร และความคงทนของสัญญาณ รวมถึงศักยภาพในการรองรับแบนด์วิดท์ความเร็วสูง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการความเร็ว ความเสถียร และความต่อเนื่องในการเชื่อมต่อในระดับสูงสุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดข้อจำกัดด้านระยะทาง และสัญญาณรบกวน
พร้อมรองรับการอัปเกรดเทคโนโลยีในอนาคตโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบหลัก ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถบริหารต้นทุนการลงทุนได้อย่างคุ้มค่า และลดความเสี่ยงในระยะยาว อีกทั้ง ยังได้ร่วมนำเสนอความเชี่ยวชาญ ด้านโซลูชันครบวงจรของ FTTR SERIES 1008 : FTTR/FTTH CABLING SOLUTION ซึ่งเป็นโซลูชันที่รองรับทั้งงานติดตั้งในอาคาร บ้านพักอาศัย รวมถึงโครงการเชิงพาณิชย์ เน้นให้ความเข้าใจถึงโครงสร้าง การใช้อุปกรณ์ และการออกแบบระบบที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดของการส่งสัญญาณในทุกสถานการณ์
อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่นำเสนอภายในงาน คือ TRANSCEIVER CLINIC FOR ALL นวัตกรรมด้าน Optical Transceiver ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยจุดเด่นที่ผสานทั้งประสิทธิภาพการทำงาน และความคุ้มค่าอย่างลงตัว ซึ่งนับเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเชื่อมต่อข้อมูลความเร็วสูงในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่
โดยได้มีการนำเสนออุปกรณ์ และโซลูชันที่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์เครือข่ายจากหลากหลายแบรนด์ รองรับการใช้งานจริงในองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมบริการ LINK Transceiver Clinic for ALL ที่ช่วยลดข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ของระบบ เพิ่มความเสถียรภาพ และเสริมความมั่นใจในการใช้งานเชิงพาณิชย์ ชูจุดแข็งด้านบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกการใช้งาน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ และบริการทั้งหมดกล้าการันตีคุณภาพผ่าน 3 มาตรฐานสำคัญ ได้แก่
- ALL COMPATIBLE รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หลากหลายแบรนด์ได้อย่างไร้รอยต่อ
- 3 DAY DELIVERY บริการจัดส่งภายใน 3 วัน ช่วยลดความเสี่ยง และลดระยะเวลาหยุดชะงักของระบบ
- 3 YEAR WARRANTY การรับประกันยาวนาน 3 ปี เพิ่มความเชื่อมั่น และความคุ้มค่าในระยะยาว
ขณะเดียวกัน นายกาญจน เลี่ยมสืบเชื้อ Product Engineer หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้าน ตู้ 19" GERMANY EXPORT RACK ร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนา ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานงานติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยชูจุดเด่นด้านวัสดุพรีเมียมภายใต้มาตรฐานเยอรมัน โครงสร้างแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง ดีไซน์ใหม่ที่ใช้งานสะดวก ทั้งระบบระบายอากาศ การจัดการความร้อน การไหลเวียนอากาศ ช่องเดินสายเป็นระเบียบ รองรับการขยายอุปกรณ์ในอนาคต พร้อมรูปลักษณ์ทันสมัย เหมาะสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ งานองค์กร และระบบขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ความทนทาน และการใช้งานระดับสากล รวมถึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของระบบ ด้วยมาตรฐานการผลิตที่สั่งสมมากว่า 30 ปี พร้อมการรับประกันระยะยาว ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรที่ต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืนอีกด้วย
นอกจากนี้ ความก้าวหน้าด้านสายสัญญาณ และเทคโนโลยีที่จะเชื่อมโยงอนาคต ได้รับเกียรติจาก นายธุวานนท์ สิงห์ขจร Product Specialist ร่วมชี้แนะถึงระบบสายสัญญาณที่เป็นส่วนสำคัญแห่งการเชื่อมต่อ ทั้ง LAN CABLING SOLUTION : UTP CAT 6A Super-S Series ชูจุดเด่นของรุ่น Super-S Series ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในยุคดิจิทัล ภายใต้แนวคิด SMART, SMALL, SAVE ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ยกระดับประสิทธิภาพการส่งสัญญาณ และลดต้นทุนทั้งด้านเวลา และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงยังได้บรรยายเชิงลึกเกี่ยวกับกลุ่มสินค้า SOLAR CABLING SOLUTION ซึ่งเป็นโซลูชันที่ได้รับความเชื่อมั่นอย่างกว้างขวางจากอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเน้นย้ำถึงคุณสมบัติของสายที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน AD8 สามารถรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในโครงการ Solar Farm, Solar Rooftop และ Floating Solar Farm ที่ต้องเผชิญกับความร้อนสูง ความชื้น แสงแดดจัด รวมถึงการเสื่อมสภาพจากการใช้งานระยะยาว ซึ่งโซลูชันดังกล่าว ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความเสถียรของระบบ และมีอายุการใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน รองรับการขยายระบบในอนาคต และช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษา ตอบโจทย์การพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ต้องการความมั่นคงและความคุ้มค่าในระยะยาวอย่างแท้จริง
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ กล่าวว่า โลกได้กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นรากฐานสำคัญอย่างยิ่งของระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อ และการมีศูนย์สำรองข้อมูล Data Center ที่เสถียร จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่ออนาคตที่มีคุณภาพ ซึ่งงาน NEXT TECH ได้ถูกจัดขึ้น เพื่อต้องการให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่ต้องเลือกใช้สินค้า และอุปกรณ์ที่ครบโซลูชัน เพื่อการเชื่อมต่อสื่อสารที่มากคุณภาพ ที่ผมตั้งใจถ่ายทอดความรู้ แนวคิด และนวัตกรรมที่เราไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา
นับว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถวางรากฐานระบบได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ซึ่ง LINK AMERICAN CABLING และ GERMAN RACK มีความพร้อมที่มั่นคง และพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรในการสนับสนุน หรือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพอย่างไร้ที่ติ เคียงข้างการเติบโตของธุรกิจไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคตต่อไป







