Longevity Tech: เมื่อโลกต้องรีเซ็ต

Longevity Tech: เมื่อโลกต้องรีเซ็ต

เทคโนโลยีอายุยืน (Longevity Tech) กำลังทำให้มนุษย์มีชีวิตยืนยาวและสุขภาพดีขึ้นกลายเป็นความจริง โดยมีมหาอำนาจและบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุนอย่างจริงจัง

ถ้าวันหนึ่งมนุษย์มีชีวิตยืนถึง 120 ปีจริง คำถามสำคัญอาจไม่ใช่ว่าเราจะอยู่ได้นานแค่ไหน แต่คือ โลกนี้พร้อมรองรับชีวิตที่ยาวขึ้นขนาดนั้นแล้วหรือยัง?

ประเด็นอายุยืนถูกดันขึ้นสู่เวทีโลกแบบไม่ตั้งใจ เมื่อมีรายงานว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และวลาดิเมียร์ ปูติน พูดคุยนอกรอบถึงความเป็นไปได้ที่มนุษย์อาจมีชีวิตยืนระดับศตวรรษ 

แม้จะเป็นเหมือนไมค์หลุด แต่สัญญาณชัดเจนว่า Longevity ไม่ได้อยู่แค่ในห้องวิจัยอีกต่อไป และกำลังถูกยกเป็นวาระเชิงยุทธศาสตร์ของมหาอำนาจแล้ว ในอีกด้านหนึ่ง ความก้าวหน้าด้าน biogerontology, cellular rejuvenation และการบำบัดระดับยีน 

ทำให้แนวคิดเรื่อง “การยืดช่วงชีวิตที่ยังมีสุขภาพดี” เข้าใกล้ความจริงมากกว่าที่เคยมีมา ผู้เชี่ยวชาญบางคนประเมินว่า “ช่วงวัยสุขภาพดี” ของมนุษย์อาจยืดออกได้อีก 15-20 ปีภายในไม่กี่ทศวรรษหน้า

บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังเข้าสู่สนามนี้แบบเปิดหน้าอัลฟาเบตลงทุนผ่านบริษัทลูกอย่าง Calico ที่กำลังทุ่มเงินศึกษากระบวนการ Aging ในระดับเซลล์ อะเมซอนหนุน Altos Labs ในการวิจัยฟื้นฟูเซลล์แบบย้อนวัย ขณะที่แอปเปิ้ลกลายเป็นเจ้าของข้อมูลสุขภาพที่ละเอียดที่สุดในโลกผ่านแอปเปิ้ลวอช

ข้อมูลที่อาจเป็น “น้ำมันดิบ” ของเศรษฐกิจอายุยืน ฝั่ง Big Pharma ก็ขยับแรงไม่ต่างกัน ความสำเร็จของยากลุ่ม GLP-1 ที่ทั้ง Eli Lilly และ Novo Nordisk ผลิต ทำให้โลกเห็นว่าการปรับระบบเผาผลาญของมนุษย์สามารถทำให้โรคเรื้อรังหลายอย่างดีขึ้นได้จริง ยากลุ่มชะลอความเสื่อมการรักษาไมโตคอนเดรีย และยามุ่งเป้าเฉพาะบุคคลกำลังเข้าสู่การทดลองในมนุษย์

ทั้งหมดนี้คือ อิฐก้อนแรกของการสร้างเศรษฐกิจอายุยืน พัฒนาการเหล่านี้ทำให้แนวคิดเรื่อง “ชีวิตที่ยืนยาวกว่าเดิมมาก” ไม่ได้เป็นเรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่ธุรกิจ รัฐ และสังคมต้องคิดล่วงหน้าอย่างจริงจัง เพราะโลกที่มนุษย์อายุยืนขึ้น 20-30 ปี จะไม่เหมือนโลกที่เรารู้จักในทุกมิติ

การยืดอายุมนุษย์จะ “รีเซ็ต” ระบบเศรษฐกิจทันที ไม่ว่าจะเป็นตลาดแรงงานที่ต้องรองรับคนทำงานในวัย 70-80 ปี ระบบบำนาญที่ต้องขยายระยะเวลาการออมออกไปอีกหลายสิบปี

ตลาดอสังหาริมทรัพย์และรูปแบบการอยู่อาศัยที่ต้องตอบโจทย์คนอายุยืนที่ยัง active หรือแม้แต่อุตสาหกรรมอาหารที่ต้องผลิตเพียงพอสำหรับประชากรที่มีอายุยืนยาวขึ้นอีกหนึ่งช่วงชีวิต พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยน และบริการด้านสุขภาพจะพลิกจากรักษาเมื่อเจ็บป่วย ไปสู่บำรุงและฟื้นฟูเพื่อยืดความแข็งแรง

ในระดับประเทศ คำถามสำคัญกำลังก่อตัวขึ้นว่า ใครควรเข้าถึง Longevity ก่อน? ประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์แข็งแรงจะได้เปรียบทันที ขณะที่ระเทศที่ระบบยังเปราะบางอาจต้องแบกรับต้นทุนสุขภาพและความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวเร็วขึ้น 

นี่จึงไม่ใช่แค่ Longevity Divide แต่คือ บททดสอบความพร้อมของชาติทั้งระบบและแน่นอน โลกธุรกิจหลีกไม่พ้นการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ผู้ชนะคือองค์กรที่คิดล่วงหน้า

ธุรกิจสุขภาพเชิงลึก บริการประเมินอายุชีวภาพ แพลตฟอร์มสุขภาพแบบ real-time อาหารเฉพาะบุคคล ประกันสุขภาพ 100+ ปี ไลฟ์สไตล์สำหรับคนอายุยืน และบริการ reskilling ตลอดช่วงชีวิต ทั้งหมดกำลังกลายเป็นตลาดใหม่ที่เติบโตเร็วมาก

Longevity Tech กำลังส่งสัญญาณว่า ในโลกที่มนุษย์อาจอยู่ได้ถึง 120 ปี สิ่งที่น่าห่วงอาจไม่ใช่ “อายุขัยของคน” แต่เป็น “อายุขัยของระบบเศรษฐกิจแบบเดิมๆ” ต่างหาก