3I/ATLAS ดาวหางนอกระบบสุริยะ โคจรใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดก่อนกลับสู่จักรวาล

ดาวหาง 3I/ATLAS วัตถุจากนอกระบบสุริยะ โคจรผ่านจุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด และกำลังเดินทางออกจากระบบสุริยะของเรา
KEY
POINTS
- ดาวหาง 3I/ATLAS ซึ่งเป็นวัตถุจากนอกระบบสุริยะ ได้โคจรผ่านจุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดแล้ว และกำลังเดินทางออกจากระบบสุริยะของเรา
- จะสามารถสังเกตการณ์จากโลกได้อีกครั้งด้วยกล้องโทรทรรศน์ตั้งแต่ 11 พฤศจิกายน และจะเข้าใกล้โลกที่สุดในเดือนธันวาคมโดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ
- การวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่าดาวหางมีอายุเก่าแก่กว่าระบบสุริยะ และองค์ประกอบของมันบ่งชี้ว่าอาจไม่เคยเข้าใกล้ดาวฤกษ์ดวงใดมาก่อน
ดาวหาง “3I/แอตลาส” (3I/ATLAS) วัตถุจากนอกระบบสุริยะ เพิ่งผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด และกำลังมุ่งหน้าออกจากระบบสุริยะอีกครั้ง นักดาราศาสตร์ยืนยันว่า มันยังอยู่ในระยะที่สามารถติดตามได้อีกหลายเดือนข้างหน้า
ตามรายงานของเว็บไซต์ EarthSky ดาวหาง 3I/ATLAS เข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในระยะราว 203 ล้านกิโลเมตร (126 ล้านไมล์) ขณะนี้มันอยู่ด้านหลังดวงอาทิตย์จากมุมมองบนโลก ทำให้ยังไม่สามารถสังเกตได้ด้วยกล้องภาคพื้นดิน
นักดาราศาสตร์คาดว่า ตั้งแต่ 11 พฤศจิกายนนี้ ผู้ที่มีกล้องโทรทรรศน์จะเริ่มเห็นมันได้อีกครั้งในช่วงก่อนรุ่งสาง โดยดาวหางจะเข้าใกล้โลกที่สุดในวันที่ 19 ธันวาคม ในระยะประมาณ 270 ล้านกิโลเมตร (168 ล้านไมล์) ซึ่งองค์การอวกาศยุโรป (ESA) ยืนยันว่า “ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ต่อโลก”
ดาวหาง 3I/ATLAS ถูกค้นพบเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และนับเป็นวัตถุจากนอกระบบสุริยะดวงที่สาม ที่เดินทางผ่านระบบสุริยะของเรา ต่อจาก ดาวหางโออูมูอามูอา (ʻOumuamua) ในปี 2560 และ 2I/บอริซอฟ (2I/Borisov) ในปี 2562
ดาวหางข้ามดวงดาวคืออะไร?
ดาวหางมีลักษณะคล้ายก้อนน้ำแข็งผสมฝุ่นและหิน ซึ่งเป็นเศษซากที่หลงเหลือจากการก่อตัวของระบบดาว เมื่อเข้าใกล้ดาวฤกษ์ เช่น ดวงอาทิตย์ ความร้อนจะทำให้น้ำแข็งระเหย ปล่อยก๊าซและฝุ่นออกมา กลายเป็น “หางยาวส่องแสง” ที่เราเห็นบนท้องฟ้า
นักดาราศาสตร์ให้ความสำคัญกับการสังเกต 3I/ATLAS เพราะการเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ทำให้สามารถตรวจวัดองค์ประกอบของวัสดุที่ระเหยออกมา ซึ่งอาจบ่งบอกได้ว่ามันก่อตัวขึ้นในระบบดาวแบบใด
“ตอนที่มันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด เราจะเห็นแกนกลางของดาวหางได้ชัดที่สุด” ดาร์ริล เซลิกแมน (Darryl Seligman) นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตต กล่าว
เขาเสริมว่า หนึ่งในคำถามหลักของนักวิทยาศาสตร์คือ ดาวหางนี้มีสารระเหยประเภทใดบ้าง เพราะองค์ประกอบเหล่านั้นสะท้อนถึงสภาพแวดล้อมในช่วงต้นกำเนิดของระบบดาวที่มันถือกำเนิดมา
ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศหลายชุด
ดาวหาง 3I/ATLAS ถูกบันทึกภาพโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศหลายชุด ทั้ง Hubble Space Telescope, James Webb Space Telescope (JWST) และภารกิจอื่นๆ เช่น SPHEREx ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ (NASA) รวมถึงยานสำรวจดาวอังคารของยุโรป
ข้อมูลจาก ESA ระบุว่า การสังเกตด้วย SPHEREx และ JWST พบการปลดปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์, น้ำ, คาร์บอนมอนอกไซด์, คาร์บอนิลซัลไฟด์ และน้ำแข็งน้ำ จากพื้นผิวของดาวหางขณะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์
การวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ว่า 3I/ATLAS มีอายุระหว่าง 3,000 - 11,000 ล้านปี ซึ่งเก่าแก่กว่าระบบสุริยะของเราที่มีอายุราว 4,600 ล้านปี
เซลิกแมนอธิบายว่า การตรวจพบคาร์บอนไดออกไซด์บ่งชี้ว่าดาวหางอาจไม่เคยเข้าใกล้ดาวฤกษ์ดวงใดมาก่อน เพราะธาตุนี้ระเหยได้ง่าย หากเคยผ่านความร้อนมาก่อน คงไม่เหลือสารนี้อยู่ในปริมาณสูงเช่นนี้
ภารกิจอวกาศยังคงติดตามต่อเนื่อง
แม้ในเดือนตุลาคม ดาวหางจะเริ่มจางหายจากกล้องภาคพื้นดิน แต่มันยังคงอยู่ในระยะที่ยานอวกาศหลายลำสามารถติดตามได้ เช่น PUNCH, SOHO, และเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา มันยังเข้าใกล้ดาวอังคารในระยะเพียง 30 ล้านกิโลเมตร
อย่างไรก็ตาม การปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลจากบางภารกิจของนาซาล่าช้า ขณะที่ ESA ยังคงสังเกตผ่านยาน Mars Express และ ExoMars Trace Gas Orbiter ซึ่งสามารถบันทึกภาพดาวหางเป็นจุดแสงเล็กมัวๆ ได้สำเร็จ
“นี่เป็นการสังเกตที่ยากมาก เพราะดาวหางสว่างน้อยกว่าวัตถุที่กล้องถูกออกแบบมาให้ถ่ายถึงหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสนเท่า” นิก โธมัส (Nick Thomas) หัวหน้าทีมกล้อง ExoMars กล่าว
ในเดือนพฤศจิกายน ยาน Jupiter Icy Moons Explorer (JUICE) ก็จะพยายามจับภาพ 3I/ATLAS อีกครั้ง แม้มันจะอยู่ไกลกว่าตอนใกล้ดาวอังคาร และนักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะได้รับข้อมูลเหล่านี้ในราวเดือนกุมภาพันธ์ 2569
“เรายังมีเวลาอีกมากในการสังเกตมัน และจะได้ค้นพบสิ่งใหม่ทางวิทยาศาสตร์จากข้อมูลของมันอย่างแน่นอน” เซลิกแมนกล่าวทิ้งท้าย
ดาวหาง 3I/ATLAS จะยังคงอยู่ในระบบสุริยะอีกหลายเดือน ก่อนค่อยๆ จางหายสู่ความมืดของอวกาศ







