'อินโนบิก-ที แมน' พัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย วิจัยสู่พาณิชย์

'อินโนบิก-ที แมน' พัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย วิจัยสู่พาณิชย์

"อินโนบิก-ที แมน ฟาร์มาซูติคอล" ร่วมพัฒนานวัตกรรมโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย สู่เชิงพาณิชย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศ คาดภายในปี 2030 ตลาดทั่วโลกทะลุหลายแสนล้าน

บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science) ของ กลุ่ม ปตท. ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านงานวิจัยและนวัตกรรมชีววิทยาศาสตร์ และบริษัท ที แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด (มหาชน) หรือ TMAN ผู้ผลิตและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ลงนามความร่วมมือ ในการพัฒนานวัตกรรมโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย เพื่อต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ สร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพของไทยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพของประเทศ

โดยมี ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และความยั่งยืน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และนายประพล ฐานะโชติพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารทีแมน ร่วมลงนาม ณ ห้องพลังไทย ชั้น M อาคาร 2 บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่

ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการต่อยอดและยกระดับงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ไทย ซึ่งได้ทำการวิจัยในคนไทย และค้นพบว่า โพรไบโอติกสายพันธุ์ Lactobacillus zeae TISTR 2736 และ Lactobacillus reuteri TISTR 2529 มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยลดความเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับ (NAFLD – Non-Alcoholic Fatty Liver Disease) โดยช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดการอักเสบ และส่งเสริมการทำงานของตับให้ดีขึ้น กลไกดังกล่าวเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งกำลังเป็นปัญหาสุขภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มียาที่สามารถรักษาโรคนี้ได้โดยเฉพาะ

'อินโนบิก-ที แมน' พัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย วิจัยสู่พาณิชย์

นายประพล ระบุว่า ความร่วมมือกับอินโนบิกครั้งนี้ ที แมนพร้อมนำองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาผสานกับศักยภาพการผลิตตามมาตรฐานสากล เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรชีวภาพของไทย เพื่อช่วยเสริมพลังด้านการวิจัย พัฒนา และการเข้าถึงตลาดในวงกว้าง เนื่องด้วยอินโนบิกมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพที่หลากหลายของคนไทย 

อีกทั้งยังมีความร่วมมือกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) เพื่อการสนับสนุนงานวิจัยภายในประเทศให้ก้าวสู่การผลิต เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพคุณภาพสูง พร้อมต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศ

นอกจากการตอกย้ำศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพของไทย ยังเป็นการเปิดประตูสู่การพัฒนาเชิงธุรกิจในประเทศ เนื่องจากโพรไบโอติกเป็นหนึ่งในตลาดสุขภาพที่มีการเติบโตสูงสุด โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ยทั่วโลก มากกว่า 7% ต่อปี คาดว่าภายในปี 2030 มูลค่าตลาดโพรไบโอติกทั่วโลกจะทะลุหลายแสนล้านบาท

ความร่วมมือครั้งนี้ จึงช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และที่สำคัญคือ ลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสุขภาพของไทย

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบาย เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม (Innovation-Driven Economy) ของไทย ที่มุ่งให้ประเทศก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาค โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์และสุขภาพ ซึ่งรัฐบาลได้ให้สิทธิพิเศษด้านภาษีและการส่งเสริมการลงทุนแก่บริษัทที่พัฒนเทคโนโลยีชีวภาพภายในประเทศ

ความร่วมมือระหว่างทีแมนและอินโนบิกครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของภาคเอกชนไทยในการผลักดันงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค สังคม และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

'อินโนบิก-ที แมน' พัฒนาโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย วิจัยสู่พาณิชย์