Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

GISTDA พัฒนาแพลตฟอร์มภัยพิบัติ  Disaster Platform ประกอบด้วย ข้อมูลน้ำท่วม ข้อมูลไฟป่าหมอกควัน ข้อมูลภัยแล้ง และข้อมูลคุณภาพอากาศ

KEY

POINTS

  • GISTDA พัฒนา "Disaster Platform" เป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลแบบเปิด (Open Data) เพื่อให้ทุกภาคส่วนใช้ติดตาม วิเคราะห์ และจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติ
  • แพลตฟอร์มนำเสนอข้อมูลภัยพิบัติหลัก 4 ด้านแบบใกล้เคียงเวลาจริง ได้แก่ น้ำท่วม ไฟป่า ภัยแล้ง และมลพิษทางอากาศ โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม
  • แพลตฟอร์มถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการจัดการภัยพิบัติครบวงจร ตั้งแต่การเตรียมความพร้อม การรับมือสถานการณ์ และการฟื้นฟูหลังเกิดเหตุ

เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ใช้ประโยชน์และเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น สู่การวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติของประเทศ และตอบสนองการปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA กล่าวว่า

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

GISTDA จัดงาน Disaster Management Intelligence Platform เพื่อส่งเสริมการใช้งานและแนะนำนวัตกรรมบน Disaster Platform

GISTDA พัฒนา Disaster Platform นี้ขึ้นมา ไม่ได้มองว่าเป็นเพียงเครื่องมือทางเทคนิค แต่คือ โครงสร้างพื้นฐาน ที่จะรองรับการจัดการภัยพิบัติในมิติใหม่ที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานจริงของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

แพลตฟอร์มนี้ได้ออกแบบโดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่ผู้ใช้งานทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่ภาคสนาม หน่วยงานระดับปฏิบัติการ หน่วยงานระดับนโยบาย

โดยมีเป้าหมายในการเป็นข้อมูลเปิด หรือ open data และ data sharing ให้ทุกคนได้ใช้และแลกเปลี่ยนข้อมูล สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในช่วงเวลาเร่งด่วน รับการแจ้งเตือน วิเคราะห์สถานการณ์ และตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ภายใต้ Disaster Platform ได้นำเทคโนโลยีล่าสุดมาผสมผสาน อาทิ Big Data Analytics, AI, Interactive GIS, และฟังก์ชันการสื่อสารที่เชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ เพื่อให้การตัดสินใจในยามวิกฤติเกิดขึ้นอย่างถูกต้องและทันท่วงที

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

....ที่สำคัญการออกแบบแพลตฟอร์มนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ “การตอบสนอง” แต่ยังมองไปถึง “การเตรียมความพร้อม” และ “การฟื้นฟูหลังเหตุการณ์” อย่างเป็นระบบ

เพื่อสร้าง “ความมั่นใจ” ให้กับสังคมว่าเรามีเครื่องมือที่พร้อมจะรับมือกับภัยในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามด้วย “ข้อมูลที่แม่นยำ” การทำงานที่รวดเร็ว การประสานงานที่มีประสิทธิภาพ และระบบที่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้แบบเนียรเรียลไทม์

ปัจจุบัน  GISTDA ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลใน Disaster Platform มาพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมเชิงภูมิสารสนเทศในรูปแบบของแอปพลิเคชันบนมือถือที่ง่ายต่อการใช้งานสำหรับประชาชน เช่น

แอปพลิเคชันเช็คน้ำ เพื่อต่อยอดการให้บริการข้อมูลเชิงลึกจากแพลตฟอร์ม Disaster ไปสู่การคาดการณ์และแจ้งเตือนความเสี่ยงพื้นที่น้ำท่วมได้แบบเรียลไทม์ด้วยเทคโนโลยี Location Intelligence ที่ไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ที่ตรงไหนในประเทศไทย ก็สามารถระบุจุดเสี่ยงที่ผู้ใช้งานยืนอยู่ได้

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

แอปพลิเคชันเช็คฝุ่น ที่สามารถดูข้อมูลฝุ่น PM2.5 ในแต่ละพื้นที่ได้แบบรายชั่วโมง สามารถให้รายละเอียดถึงระดับตำบลและพิกัดที่ผู้ใช้งานอยู่ ณ เวลานั้นๆ ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงและป้องกันภัยจากฝุ่นได้ 

แอปพลิเคชันไลฟ์ดี แอปพลิเคชันแรกของไทยที่ผสานข้อมูลภูมิสารสนเทศเข้ากับข้อมูลด้านสาธารณสุขอย่างเป็นระบบ ด้วยความร่วมมือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข โดยรวมระบบรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ระบบประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพ และระบบบริการสุขภาพไว้ในที่เดียว 

แอปพลิเคชัน  เช็คแล้ง ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้เกษตรกรสามารถติดตามความเสี่ยงภัยแล้งในแปลงเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง และอ้อย เป็นต้น

.....

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

อย่างไรก็ตาม GISTDA ไม่ได้มีภารกิจเป็นผู้บริหารจัดการภัยพิบัติโดยตรง แต่มีหน้าที่หลักคือ การติดตาม วิเคราะห์ และประเมินขอบเขตพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติต่าง ๆ  โดยจะสนับสนุนการใช้ประโยชน์ภาพถ่ายจากดาวเทียมให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 

 เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ดูแลบริหารจัดการน้ำในระดับนโยบาย  กรมชลประทาน ที่ดูแลพื้นที่การเกษตร หรือพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ใช้ประโยชน์ในการแจ้งเตือนภัยและวางแผนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่  

นอกจากนี้ ภาคเอกชนอย่าง สมาคมประกันภัยและธนาคารต่าง ๆ  เริ่มให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการข้อมูลด้านภัยพิบัติ เพื่อประเมินความเสี่ยงในแต่ละพื้นที่มากขึ้น

....

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

ทั้งนี้ การจัดการด้านภัยพิบัติ ถือเป็นหนึ่งในการประยุกต์ใช้ข้อมูลจากดาวเทียม  ที่ GISTDA ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 20 ปี

  แนวคิดหลักในการใช้งาน  คือ การให้บริการข้อมูลภูมิสารสนเทศที่ตรวจวัดได้จากภาพถ่ายจากดาวเทียมหลายช่วงเวลา และบันทึกภาพแบบใกล้เคียงกับเวลาจริง ในสถานการณ์ระหว่างเกิดและหลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ

และสามารถนำมาวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ รวมทั้งข้อมูลเชิงพื้นที่ที่บันทึกภาพก่อนเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติ เพื่อจัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ประสบภัยในการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น และเป็นฐานข้อมูลในการวางแผนป้องกันและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงในปีต่อๆ ไปได้ 

...

ขณะที่ ดร.สุรัสวดี  ภูมิพานิช  นักภูมิสารสนเทศชำนาญการจาก GISTDA กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยพิบัติทั้งด้านน้ำท่วม  ไฟป่า ภัยแล้ง และมลพิษทางอากาศผู้สนใจสามารถเข้าดูข้อมูลได้ที่ https://disaster.gistda.or.th/

ข้อมูลจะอัปเดตทุกๆ  1-5 วัน ตามแต่ละประเภทของภัย ซึ่งในแพลตฟอร์มดังกล่าว จะมีการสรุปภาพรวมสถานการณ์ภัยพิบัติย้อนหลัง 7 วัน ทำให้เห็นภาพรวมของพื้นที่เสี่ยงภัย หรือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ  

เมื่อคลิกเข้าสู่ภัยพิบัติน้ำท่วม จะมีการแสดงแผนที่พื้นที่น้ำท่วมในปัจจุบัน และย้อนหลังตั้งแต่ 3 วัน 7 วันและ 30 วัน รวมถึงการแสดงพื้นที่น้ำท่วมทั้งหมด แบ่งเป็นพื้นที่ในแต่ละจังหวัด และจำนวนหลังคาเรือนที่ได้รับผลกระทบ

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

นอกจากนี้ยังสามารถระบุข้อมูลสำคัญอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ เช่น พื้นที่นาข้าว โรงเรียน โรงพยาบาล และถนน

ขณะที่ภัยพิบัติไฟป่า ปัจจุบัน GISTDA สามารถติดตามจุดความร้อนของประเทศไทยได้สูงถึง 10 ครั้งต่อวัน โดยเป็นข้อมูลระบบ MODIS ที่ติดตั้งบนดาวเทียม Terra และ Aqua จำนวน 4 ครั้ง/วัน 

ข้อมูลระบบเวียร์ (VIIRS) จากดาวเทียม Suomi NPP   จำนวน 2 ครั้งต่อวัน  ข้อมูลจากดาวเทียม NOAA- 20  จำนวน 2 ครั้งต่อวัน และจากดาวเทียม NOAA -21 จำนวน 2 ครั้งต่อวัน

ข้อมูลที่ได้จากการบันทึกภาพจากดาวเทียมมีความกว้างมากกว่า 2,300   กิโลเมตร  ทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้ทั่วทั้งประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกด้วย

 ใน  Disaster Platform    จะให้ข้อมูลภาพรวมการเกิดจุดความร้อนปัจจุบันในรอบ 24  ชั่วโมงที่ผ่านมา จังหวัดที่เกิดจุดความร้อนเป็นจำนวนมาก สามารถระบุได้ว่าจุดความร้อนที่เกิดขึ้นเป็นพื้นที่ป่าประเภทไหน หรือเป็นพื้นที่ทำการเกษตร 

มีข้อมูลสถิติเปรียบเทียบในด้านต่าง ๆ เช่น 5 อันดับพื้นที่ที่มีจุดความร้อนทั้งแบบรายประเทศและในประเทศไทย การคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงไฟป่า และพื้นที่เผาไหม้ซ้ำซาก 

ส่วน ภัยแล้ง  จะมีข้อมูลพื้นที่ประสบภัยแล้งทั้งหมด ค่าเฉลี่ยพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งทั้งประเทศและตามภูมิภาค รวมถึง 5 จังหวัดที่มีค่าเฉลี่ยพื้นที่เสี่ยงภัยแล้งสูงสุด

รวมทั้งข้อมูลความชื้นในดิน (Soil moisture) ที่สามารถนำไปใช้ในการวางแผนการใช้น้ำและการเพาะปลูกในช่วงเวลาที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงของการขาดน้ำของพืช และยังสามารถนำไปใช้ในการเฝ้าระวังพื้นที่อาจจะเกิดดินถล่ม (Landslide) โดยเฉพาะดินที่มีความชื้นสูงมากในช่วงฤดูฝน

 สุดท้ายด้าน มลพิษทางอากาศ จะมีทั้งการรายงานสถานการณ์มลพิษต่าง ๆ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ รวมถึงปริมาณฝุ่นละออง PM2.5 ที่แจ้งเตือนได้ในระดับรายชั่วโมง 

จะเห็นได้ว่า  “ภัยพิบัติ” เป็นเรื่องที่เร่งด่วนรอไม่ได้ ดังนั้น แหล่งที่มาของข้อมูล จึงมาจากดาวเทียมหลากหลายดวง

นอกจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากรของไทยอย่างดาวเทียมไทยโชต และดาวเทียม THEOS-2 แล้วยังมีการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมพันธมิตรอื่นๆ จากต่างประเทศ รวมถึงมีการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติอีกด้วย

........

Disaster Platform รู้ทันทุกภัยพิบัติ GISTDA ช่วยทุกภาคส่วนรับมือและป้องกันทันเวลา

 ดร.สุรัสวดี กล่าวอีกว่า ขณะนี้แพลตฟอร์ม Disaster  มี  4 ภัยพิบัติหลักที่ใช้ข้อมูลจากดาวเทียม แต่อนาคตจะมีการพัฒนาข้อมูลเพิ่มเติม 

 GISTDA  ยังเก็บร่องรอยของดินถล่ม หรือฐานข้อมูลแหล่งน้ำขนาดเล็กที่สามารถใช้ในการรับมือด้านภัยแล้ง รวมถึงข้อมูลสิ่งกีดขวางทางน้ำ เช่น ผักตบชวา ซึ่งจะเป็นชั้นข้อมูลที่ทำให้สามารถบริหารจัดการการระบายน้ำรองรับฤดูน้ำหลากที่จะมาถึงได้.