ศุภชัย ยกทัพนวัตกรรมสุดล้ำเครือซีพี ชู ‘เอไอ-หุ่นยนต์’ ปลุกเศรษฐกิจหมื่นล้าน

ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ย้ำบทบาทเอไอและนวัตกรรม เป็นหัวใจสำคัญขับเคลื่อนองค์กรและสังคมสู่อนาคตอย่างยั่งยืน ลุยเปิดงาน “CP Innovation Exposition & Symposium 2025” ภายใต้แนวคิด “Innovate the Future for a Better Tomorrow”
งานนี้ถือเป็นครั้งที่ 8 ที่ซีพียกทัพผลงานนวัตกรรมของพนักงาน จากทุกกลุ่มธุรกิจทั่วโลกมารวมตัวกัน สะท้อนศักยภาพองค์กรไทย ที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม (Tech-Driven Company) และเตรียมพร้อมสำหรับศตวรรษที่ 2 ขององค์กร
ปีนี้ ซีพีเปิดโอกาสให้พนักงานจากทุกกลุ่มธุรกิจทั่วโลก ส่งผลงานนวัตกรรมเข้าประกวดรวมกว่า 3,000 ผลงาน มีมูลค่าเศรษฐกิจรวมกว่า 40,000 ล้านบาท และผ่านคัดเลือกกว่า 200 ผลงาน มาจัดแสดงในงาน ครอบคลุมนวัตกรรมทั้ง 4 ด้านหลัก ได้แก่ ผลิตภัณฑ์และบริการ กระบวนการ รูปแบบธุรกิจ และความยั่งยืน
ผลงานเหล่านี้มีทั้งต้นแบบทดลอง (Proof of Concept) และผลงานที่พร้อมต่อยอดเชิงพาณิชย์ (Scaling/Commercialization) ทั้งยังมอบรางวัล Chairman Awards เชิดชูนวัตกร 82 ผลงานจากบริษัทในเครือ
การมอบรางวัลแบ่งตามบริษัท ได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ครองแชมป์ 38 รางวัล รองลงมาคือ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) 17 รางวัล และบริษัท ซีพีแอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) 3 รางวัล รวมถึงบริษัทในเครือจากจีนและเวียดนาม
‘เอไอ’ คือ อนาคต
ศุภชัย ให้มุมมองต่อบทบาทของนวัตกรรมว่า นวัตกรรม คือ การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม และถือเป็นหนึ่งในคุณค่าหลักของเครือซีพี เพราะการขับเคลื่อนองค์กร และสังคมให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยทั้งนวัตกรรมและคุณธรรมควบคู่กัน ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เกิดจากการเรียนรู้จากความล้มเหลว และการไม่หยุดนิ่งในการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ
ศุภชัย เน้นย้ำบทบาทเอไอต่ออนาคตนวัตกรรมว่า เอไอจะเป็นผู้ช่วยสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าด้านนวัตกรรม ไม่เพียงต่อธุรกิจและอุตสาหกรรม แต่ยังรวมถึงผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น ซีพี จึงลงทุนสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมครบวงจร ทั้ง Data Center, Cloud, AI Lab รวมถึงการพัฒนา True Digital Park, Cloud 11 และโครงการใหม่บนถนนสุขุมวิท 50 เพื่อให้เป็น Innovation District ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมในภูมิภาค
“นวัตกรรมที่แท้จริงเกิดจากการไม่หยุดนิ่ง การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างให้ทุกคนได้กล้าลอง กล้าคิด และกล้าสร้างสิ่งใหม่ๆ” ศุภชัยกล่าว พร้อมย้ำว่า “แม้บางผลงานจะยังไม่ได้รับรางวัล แต่ทุกความพยายามคือทุนความรู้ที่จะต่อยอดไปสู่นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต”
เป้าหมายจัดงานหวังเชิดชูนวัตกร
สำหรับเป้าหมายจัดงานครั้งนี้ ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกล ประธานคณะกรรมการอำนวยการมหกรรมฯ เผยว่า งานนี้จัดต่อเนื่องทุก 2 ปีตั้งแต่ปี 2552 โดยแต่ละครั้งจะมีนวัตกรรมใหม่ในการจัดงาน เพราะถ้าเราอยู่ที่เดิมก็เหมือนกับปล่อยให้ผ่านไป ดังนั้นเราจึงต้องสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
การจัดงานมี 3 เป้าหมายหลัก คือ การสร้างโอกาสแลกเปลี่ยนผลงานข้ามกลุ่มธุรกิจและข้ามประเทศ การเชิดชูนวัตกรผู้เป็นกำลังสำคัญในการสร้างศักยภาพการแข่งขัน และการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมที่สมบูรณ์
ผนึกพันธมิตรยักษ์ใหญ่
ภายในงานมีการจัดพิธีลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ จากทั้งไทยและต่างประเทศ รวมกว่า 30 องค์กร ครอบคลุมภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เช่น IBM Thailand, Tencent Cloud, Unitree Robotics, Huawei Thailand, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ Harbour.Space แห่งมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ ซีพี ให้ความเห็นว่า “ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่เพียงพิธีการ แต่คือการรวมพลังเพื่อสร้างระบบนิเวศนวัตกรรม ที่สมบูรณ์ ต่อยอดงานวิจัย สนับสนุนการเกิดสตาร์ตอัปและ Spin-off เพื่อสร้าง S-Curve ใหม่ ยกระดับขีดความสามารถเทคโนโลยีของประเทศไปสู่เวทีโลก”
นอกจากนี้ CP-Center of Excellence (CoE) ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านวิจัย และพัฒนาใน 3 สาขา ได้แก่ Bio-Tech Lab, Digital & AI Lab และ Data Center & Cloud CoE ฐานรากสำคัญการสร้างนวัตกรรมทุกกลุ่มธุรกิจ
นวัตกรรมเด่น 4 ประเภท
สำหรับ นวัตกรรม 4 ประเภทหลัก ได้แก่ Product & Service Innovation, Process Innovation, Business Model Innovation และ Sustainable Innovation โดยมีตัวอย่าง ดังนี้
Product & Service Innovation ได้แก่ หุ่นยนต์อัจฉริยะช่วยบริการรักษามะเร็งต่อมไทรอยด์ จาก บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ออกแบบให้เคลื่อนผ่านห้องผนังนิกเกิล ส่งยา และตรวจติดตามแทนบุคลากร ลดความเสี่ยงจากรังสีจาก 7.6 เหลือ 0.4 หน่วย และ VIP Cool Box กล่องสุญญากาศรักษาอุณหภูมิอาหารสด จาก บมจ.ซีพี แอ็กซ์ตร้า รักษาอุณหภูมิได้ 20-24 ชั่วโมง ใช้วัสดุฉนวนใยแก้ว และโฟมโพลียูรีเทน ปัจจุบันมี 1,260 กล่องใช้จริงใน 3 สาขาแม็คโคร
Process Innovation ได้แก่ คิมบับโรล Automation จาก บจก.ซีพีแรม ผลิตอาหารเกาหลีแบบ Mass Production ที่ยังคงรสชาติและคุณภาพ ส่งขายใน 7-Eleven ทั่วประเทศ และยังมีระบบขึ้นรูปเบอร์เกอร์ข้าวเหนียวอัตโนมัติ ลดการสัมผัสข้าวเหนียวร้อนของพนักงาน ลดต้นทุนแรงงาน 92% และเพิ่มกำลังผลิต 127%
Business Model Innovation ได้แก่ โครงการสุกรขุนน้ำหนัก 145 กก. จาก CPF พัฒนาสายพันธุ์สุกร ระบบอาหาร และโรงเรือน เพิ่มผลผลิตเฉลี่ย 27 กก./ตัว และยังมี Maxzi Vertical Integration Business Model จาก CP AXTRA ร้านอาหารที่เชื่อมซัพพลายเชนครบวงจร ผลิตเบอร์เกอร์พรีเมียม Clean-Label 26,000 ชิ้น/เดือน
Sustainable Innovation ได้แก่ ถาดไข่ rPET 100% จาก CPF ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ลดปล่อยคาร์บอน 4,069 ตัน/ปี ปัจจุบันใช้แล้ว 276 ล้านชิ้น และยังมีไข่ไก่ Cage Free ปลอดคาร์บอน จาก CPF โรงเรือนระบบปิด ใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติ ตรวจสอบย้อนกลับได้ กำลังผลิต 33 ล้านฟอง/ปี
ปัจจุบันเครือซีพี มีสิทธิบัตรและอนุสิทธิบัตรรวมกว่า 199 สิทธิบัตร โดยศุภชัย เน้นว่า “นวัตกรรมไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในเครือ แต่เกิดจากความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ หรือที่เราเรียกว่า Co-Creation นำมาซึ่งความสร้างสรรค์และการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน”







