เมื่อ TIBD ธุรกิจด้าน Beauty Tech ประกาศตัวเป็น "Intel แห่งความงาม"

TIBD ประกาศตัวเป็นเทคคอมพานีด้านสุขภาพและความงาม ให้บริการครบวงจรสำหรับผู้ประกอบการ SME ในกลุ่มเครื่องสำอาง อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและอุปกรณ์ทางการแพทย์
KEY
POINTS
- TIBD ประกาศตัวเป็น "Intel แห่งความงาม" โดยทำหน้าที่พัฒนา Active Ingredient ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สร้างความแตกต่างและหลีกเลี่ยงสงครามราคา
- TIBD ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างงานวิจัยและเทคโนโลยีไทยกับภาคธุรกิจ (Tech Commercialization) ยกระดับผู้ผลิตวัตถุดิบไปสู่ผู้สร้างนวัตกรรม
- มีบริษัทร่วมทุน VISBIO เป็น Third-party Lab ตรวจสอบคุณภาพของสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค
ถ้าอิเทลเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของวงการคอมพ์ เราก็เปรียบเสมือนอินเทลที่แบ็คอัพสร้างนวัตกรรมและความสำเร็จให้ผู้ประกอบการไทย
๐๐๐ ๐๐๐
“ผมกําลังทํางานกับธุรกิจในอนาคต” จากการสัมภาษณ์ วุฒิพงษ์ ผาณิตเศรษฐกร ผู้บริหารบริษัท ทีไอบีดี จำกัด (TIBD) เทคคอมพานีด้านสุขภาพและความงาม (Health and BeautyTech) เผยให้เห็นภาพของอุตสาหกรรมไทยที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากการเป็นเพียงผู้ผลิตวัตถุดิบ มาสู่การสร้างนวัตกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูง
TIBD ประกาศพันธกิจจะเป็นผู้นำขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย วิทยาศาสตร์เชิงลึกและภูมิปัญญาไทย
โดยเชื่อมั่นว่า อนาคตของอุตสาหกรรมนี้อยู่ที่การบูรณาการนวัตกรรมที่พิสูจน์ได้ ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แต่ยังช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
สะพานเชื่อมงานวิจัยสู่ตลาด
“ในอดีตตลาดเติบโตมาจากการขับเคลื่อนด้วยการขายและการตลาด ใช้นักแสดง พรีเซ็นเตอร์หรืออินฟลูเอนเซอร์ แต่ปัจจุบันผู้บริโภคฉลาดขึ้น มีการค้นคว้าข้อมูลและต้องการผลงานวิจัยรองรับ
สินค้าที่อัดโฆษณาแต่ไม่มีเนื้อหาจริง ไม่ใช่งานวิทยาศาสตร์จริง จะเริ่มทำงานยากและอยู่ยากขึ้น ผู้บริโภคต้องการความมั่นใจว่าสิ่งที่เคลมหรือกล่าวอ้างนั้นเป็นจริง เช่น สารสำคัญมีอยู่จริงและมีปริมาณตามที่ระบุ" วุฒิพงษ์ กล่าว
อีกหนึ่งปัญหาหลักของอุตสาหกรรมความงามฯ ในปัจจุบันยังคงเผชิญกับปัญหาการพึ่งพาการนำเข้าส่วนผสมสำคัญจากต่างประเทศ
ผู้บริโภคไทยมีความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์จากยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น เครื่องสำอาง อาหารเสริม หรือสารสกัดจากต่างประเทศ ทำให้งานวิจัยและวัตถุดิบจากสมุนไพรไทยถูกมองข้าม
ขณะที่ประเทศไทยเล่นบทบาทเป็นเพียงผู้ซัพพลายวัตถุดิบเข้าสู่อุตสาหกรรมสุขภาพในระดับโลก แทนที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มจากเทคโนโลยีของตนเอง
จากสภาพปัญหาดังกล่าวปูทางสู่เส้นทางธุรกิจของทีไอบีดี ที่จะเป็นสะพานเชื่อมเทคโนโลยีไทยสู่ตลาดความงามและสุขภาพ โดยได้ปรับโครงสร้างเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน Tech Commercialization โดยเฉพาะ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง อาหารเสริมและอุปกรณ์ทางการแพทย์
“เราทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างสองกลุ่มหลัก ได้แก่ นักวิจัยที่พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ต้องการนำผลงานเข้าสู่ตลาด และผู้ประกอบการระดับองค์กร SME หรือนักลงทุนที่มองหาเทคโนโลยีใหม่เพื่อการลงทุน”
จุดเด่นของทีไอบีดีคือการใช้แนวคิด “Customer-Centric” แทนการคิดแบบ “Product-Centric” ที่เป็นปัญหาหลักของการถ่ายทอดเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม
วุฒิพงษ์ อธิบายว่า วิธีคิดแบบวิจัยนั้นจะเริ่มจากการเก็บพืชมาสกัดแล้วศึกษาฤทธิ์ต่างๆ แต่ทีไอบีดีมองภาพของผู้บริโภคและลูกค้าก่อน เราช่วยคอนเฟิร์มในมุมของตลาดว่าหากทำเทคโนโลยีนี้ ต้นทุนผ่านหรือไม่ ราคาขายทำตลาดได้หรือไม่ รวมถึงความเหมาะสมทางเทคนิคของสารสกัดกับผลิตภัณฑ์ปลายทาง
ทีไอบีดีมีทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดยผู้บริหารหลักเชี่ยวชาญด้าน Tech Commercialization และมีพาร์ตเนอร์ที่เก่งด้าน Marketing Communication บริษัทดำเนินงานทั้งแบบ in-house และความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย
ปัจจุบันมีพาร์ตเนอร์หลักคือ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร (KAPI) สังกัดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จุดแข็งพิเศษของบริษัทคือการมี protocol ในการทำ Tech Management และ Tech Commercialization ที่สามารถให้ข้อมูล market size, market research และ insight ในอุตสาหกรรม ช่วยผู้ประกอบการตัดสินใจเรื่องการเข้าตลาด โครงสร้างราคา และกลยุทธ์ทางธุรกิจ
คำนิยาม "Tech Management"
"Tech Management" ในบริบทของทีไอบีดี คือ การบริหารจัดการกระบวนการตั้งแต่การวิจัยในห้องปฏิบัติการไปจนถึงการนำไปใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม รวมถึง
- การตรวจสอบกฎระเบียบ (Regulation)
- การขยายขนาดการผลิต (Scale Up) โดยยังคงประสิทธิภาพของสารสำคัญ
- การบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา (IP) เช่น ความลับทางการค้า สิทธิบัตร หรือเครื่องหมายการค้า
• • การวางแผนไทม์ไลน์และทรัพยากรเพื่อการนำเทคโนโลยีออกสู่เชิงพาณิชย์ ความยากของ Tech Management อยู่ที่การ "ถ่ายทอด" งานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์จริงในอุตสาหกรรมได้สำเร็จ
“บทบาทของเราเปรียบเสมือน Intel หรือ AMD ในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ที่ทำชิปเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์ต่างๆ แต่ในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม หัวใจสำคัญคือ Active Ingredient ซึ่งเราดูแล
โดยช่วยเจ้าของแบรนด์และโรงงาน OEM ออกแบบและพัฒนา Active Ingredient ที่เป็นเอกลักษณ์ มีความแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคาที่เกิดจากการใช้สารสกัดหรือเทคโนโลยีจากแหล่งเดียวกัน"
ขณะเดียวกันบริษัทได้ผลักดัน “Native Technology” หรือนวัตกรรมที่เกิดขึ้นภายในประเทศ โดยใช้วัตถุดิบจากในประเทศ หรือการนำเทคโนโลยีจากต่างประเทศมาผสมผสานกับงานวิจัยไทย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ
“ผมใช้คำว่า native technology เพราะมันควรเป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นภายในประเทศ หรือหากเป็นเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ก็ควรมาร่วม synergies กับงานวิจัยในประเทศ”
บริษัทมุ่งเน้นการผลักดันสารสกัดและเทคโนโลยีจากสมุนไพรและพืชไทย โดยมีฐานข้อมูลสมุนไพรไทยกว่า 300 ชนิด และมีตัวอย่างงานวิจัยที่โดดเด่น เช่น
สารสกัดจากเหง้าสับปะรด (ร่วมมือกับ ม.เกษตรศาสตร์) เพื่อลดอาการอักเสบข้อเข่า พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เม็ดฟู่หรือแคปซูล
กลุ่มเห็ด: เมือกจากเห็ดเยื่อไผ่ และเปปไทด์จากเห็ดหลินจือ
นมแพะ: พัฒนาไฮโดรไลซ์เปปไทด์จากนมแพะขาวที่ออกฤทธิ์ได้เหมือนนมเหลือง เพื่อกระตุ้นเซลล์กระดูก ลดปัญหากระดูกพรุน และเสริมภูมิคุ้มกัน
โมเดลธุรกิจของ TIBD ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ Tech to Business (T2B) เป็นบริการหลักที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเทคโนโลยีไปใช้ ประยุกต์ และบริหารจัดการ และ Tech to Consumer (T2C) เป็นตลาดรอง โดย TIBD จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่ใช้เทคโนโลยีที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว เพื่อให้ง่ายต่อการนำเสนอและสื่อสารกับคู่ค้าและตลาด
VISBIO สร้างความโปร่งใส
นอกจากนี้ยังมีบริษัทร่วมทุนในชื่อ วิสไบโอ (VISBIO) เป็นห้องปฏิบัติการอิสระ (Third-party Lab) ทำหน้าที่ตรวจสอบยืนยันคุณภาพและความโปร่งใสของสารสำคัญในผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพและปลอดภัยสูงสุด
“ด้วยอัตราการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น แบรนด์หรือบริษัทผู้ผลิตจึงมีความมุ่งหมายสร้างความแตกต่าง พัฒนานวัตกรรม ส่งเสริมคุณภาพ และผลลัพธ์ที่มีความโดดเด่น หรือบางครั้งอาจนำไปสู่การโฆษณาสินค้าเกินจริง อ้างอิงวิทยาศาสตร์เทียม จนส่งผลกระทบต่อความคุ้มค่าของการลงทุน หรือความปลอดภัยต่อชีวิตของผู้บริโภค"
VISBIO จะทำหน้าที่ตรวจสอบ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ไม่ใช่แค่การโฆษณาชวนเชื่อ
การทำงานของทีไอบีดีสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของอุตสาหกรรมไทย จากการเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบรายย่อย มาสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก และสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ.







