การย้อนวัย หมุนเวลา กลับมาหนุ่มสาวอีกครั้ง | เศรษฐศาสตร์+สุขภาพ

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา Open AI (บริษัทที่ให้บริการ Chat GPT) ออกข่าวว่าประสบความสำเร็จจากการร่วมมือกับบริษัท Retro Biosciences ในการทำให้การโปรแกรมเซลล์หนุ่มสาวขึ้น (Cellular reprogramming)
มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าวิธีการปัจจุบันประมาณ 50 เท่า
หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า การโปรแกรมเซลล์ให้หนุ่มสาวขึ้นนั้น มีการพิสูจน์ว่าทำได้มานานเกือบ 30 ปีแล้ว จากการโคลน (clone) แกะหน้าขาวที่ชื่อว่า Dolly ที่เกิดมาในปี 2539 ทั้งนี้ Dolly เกิดมาจาก
1.การนำเซลล์ต่อมน้ำนมของแกะหน้าขาวอายุ 6 ปีมา แล้วสกัดเอาดีเอ็นเอออก และแยกไว้
2.เอาไข่ของแกะหน้าดำออกมา แล้วแยกดีเอ็นเอออกมาให้เหลือแต่เปลือก
3.ใส่ดีเอ็นเอของแกะหน้าขาวเข้าไปในไข่ของแกะหน้าดำ แล้วกระตุ้นด้วยไฟฟ้าให้เกิดการแบ่งตัวและเจริญเติบโต
4.นำไข่ดังกล่าวใส่เข้าไปในโพรงมดลูกของแกะหน้าดำ เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ และเจริญเติบโตขึ้นมา จนคลอดออกมาเป็นแกะเต็มตัว (ที่มีหน้าขาว)
5.ผลคือลูกแกะคลอดออกมาโดยมีร่างกายปกติ และมีหน้าขาวชื่อ Dolly เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2539
ความมหัศจรรย์ของ Dolly คือ การที่เซลล์ของแกะอายุกลางคน (ข้อ 1) ถูกแปลงเป็นสเต็มเซลล์ (stem cell) และเกิดใหม่เป็นทารก คือ Dolly หมายความว่า Dolly ไม่ได้เกิดขึ้นมาแล้วเป็นทารก ไม่ใช่มีเซลล์ที่แก่อายุ 6 ปี ตั้งแต่วันที่เกิด
การพิสูจน์ว่า เซลล์สามารถหมุนเวลากลับได้ดังกล่าว ทำให้ต่อมา ดร.ยามานากะ ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวิทยาศาสตร์เมื่อปี 2555 จากการค้นพบว่าโปรตีน 4 ตัว คือ OCT4, SOX2, KLF4 และ myc (Yamanaka factors) สามารถกระตุ้นเซลล์ปกติที่โตเต็มวัย ให้เกิดกระบวนการย้อนกลับไปเป็นเซลล์ต้นกำเนิด คือสเต็มเซลล์ (stem cell) ได้
ซึ่งเป็นการยืนยันว่า เราทำให้เซลล์ เช่น เซลล์ผิวหนังที่เหี่ยวย่น ย้อนเวลากลับไปเป็นเซลล์ทารก หรือแม้กระทั่งเป็นสเต็มเซลล์ คือเป็นเซลล์ที่จะเปลี่ยนตัวกลายเป็นเซลล์อะไรก็ได้ เช่น เป็นเซลล์สมอง เซลล์หัวใจหรือเป็นเซลล์ไต เป็นต้น กระบวนการที่ว่านี้ เรียกว่า Induced pluripotent stem cells (iPSCs)
ดังนั้น ในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา จึงมีความพยายามต่อยอดผลงานของ ดร.ยามานากะ แต่ก็พบอุปสรรคหลัก 2 ข้อคือ การกระตุ้นเซลล์ให้หนุ่มสาวขึ้น โดยใช้ Yamanaka factors นั้น ยังมีประสิทธิภาพต่ำมาก (โดยเฉลี่ยกระตุ้นเซลล์ 1,000 เซลล์ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงและย้อนวัยได้เพียงหนึ่งเซลล์)
ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การหมุนเวลากลับทำให้เซลล์แปลงสภาพกลายเป็นสเต็มเซลล์นั้น มีความเสี่ยงอย่างมากที่เซลล์ดังกล่าวจะกลายเป็น “เซลล์มะเร็ง” จึงได้มีความพยายามลดทอนการแปรสภาพเซลล์ คือเพียงทำให้เซลล์หนุ่มสาวขึ้นกว่าเดิม เช่น สำหรับเซลล์ที่อายุ 60 ปี ก็จะพยายามหมุนเวลากลับเพียงเพื่อให้กลายเป็นเซลล์อายุ 20 ปี (partial induced pluripotent stem cell) เป็นต้น
ความสำคัญของการนำเอาปัญญาประดิษฐ์ Open AI มาใช้ในการทำการวิจัยของ Retro Bio สามารถสรุปสาระสำคัญ (ตามที่บริษัททั้งสองแถลง) ดังนี้
1.การสร้างแบบจำลองปัญญาประดิษฐ์ ที่เรียกว่า GPT-4b มาช่วยวิจัยปรับปรุงการใช้โปรตีน SOX2 และ KLF4 ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการกระตุ้นให้การโปรแกรมเซลล์ให้หนุ่มสาวยิ่งขึ้น และพบว่า GPT-4b สามารถทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% และยังใช้เวลาน้อยกว่ากระบวนการปกติอีกด้วย
2.การนำเซลล์ที่ถูกทำให้ดีเอ็นเอชำรุดมาให้ Yamanaka factors ที่พัฒนาขึ้นมาโดย Retro Bio มา “รักษา” ผลปรากฏว่า สามารถซ่อมแซมความเสียหายของดีเอ็นเอของเซลล์ที่ชำรุดได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้น การรักษาเซลล์ที่เสียหายนั้นทำได้กับเซลล์มนุษย์และเซลล์สัตว์หลายประเภท
3.แต่การทำการทดลองดังกล่าวยังเป็นการทดลองในเซลล์ในห้องทดลอง (in vitro) แปลว่า ยังจะต้องใช้เวลาอีกนานนับ 10 ปี กว่าจะสามารถพัฒนามาเป็นยาที่ใช้รักษาในมนุษย์ (หรือสัตว์) ที่มีชีวิตได้
ภูมิหลังของบริษัท Retro Bio นั้น เป็นบริษัท start-up ที่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2564 โดยได้เงินลงทุนจาก Sam Altman (คนที่ก่อตั้ง Open AI และ Chat GPT) โดยได้เงินตั้งต้น 180 ล้านเหรียญและต้นปีนี้เพิ่งสามารถเพิ่มทุนได้อีก 1 พันล้านเหรียญ
โดยเป็นบริษัทที่มุ่งมั่นจะทำให้อายุที่มีสุขภาพดีขยายต่อไปอีก 10 ปี (adding 10 years to healthy human lifespan) โดยกำลังพัฒนาแนวทางรักษา “โรคแก่ชรา" ใน 4 ด้าน ซึ่ง 1 ใน 4 ด้านคือการโปรแกรมเซลล์ดังที่ได้อธิบายข้างต้น
นอกจากนั้นตามข่าว Retro Bio แจ้งว่า อาจจะสามารถเริ่มการทดลองยาชะลอความแก่ rtrt42 โดยการกระตุ้นกระบวนการ autophagy คือการ “กินตัวเอง” ของเซลล์ ซึ่งเป็นกลไกธรรมชาติที่เซลล์ใช้ในการกำจัดของเสียและส่วนที่ชำรุด ตลอดจนรีไซเคิลชิ้นส่วนที่เสียหาย เสื่อมสภาพหรือไม่จำเป็น เพื่อแปลงให้เป็นพลังงานและส่วนประกอบใหม่ๆ (กล่าวคือทำให้เซลล์ฟื้นตัว ฟิตตัว และแข็งแรงขึ้น) โดยจะทำการทดลองยา rtrt42 ในมนุษย์ที่ออสเตรเลียภายในปลายปีนี้
หากท่านผู้อ่านไม่ต้องการจะรอผลการทดลองยา rtrt42 ก็สามารถจะกระตุ้นให้เกิดการกลืนกินตัวเองของเซลล์ได้ โดยการอดอาหารเกินกว่า 16 ชั่วโมง (แต่ไม่ควรเกิน 36 ชั่วโมง และจะต้องไม่ให้ขาดวิตามิน แร่ธาตุและน้ำ)
หรือการออกกำลังกายอย่างเข้มข้นให้หัวใจเต้นเร็วสูงสุดในระยะเวลาสั้นๆ และทำซ้ำกัน (high intensity interval training) หรือการกินอาหารคีโต (ลดการกินแป้งและน้ำตาลให้น้อยที่สุด) ครับ







