กรรมการบริษัทในยุค AI ผลสำรวจชี้เกินครึ่งรู้เรื่อง AI อย่างจำกัด | มองมุมใหม่

ปัจจุบันเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เป็นเรื่องปกติที่พูดคุยกันในชีวิตประจำวันและให้ห้องประชุมผู้บริหารไปแล้ว
ขณะเดียวกันสำหรับองค์คณะที่กำกับดูแลองค์กรอย่าง คณะกรรมการบริษัท AI ได้กลายเป็นทั้งโอกาสที่จะช่วยยกระดับการตัดสินใจ และความท้าทายในการกำหนดในการกำกับดูแลองค์กรด้วย
มีรายงานจาก Deloitte ที่สำรวจผู้บริหารเกือบ 2,000 คนทั่วโลกและพบว่า 31% ของคณะกรรมการบริษัทที่สำรวจยังไม่มีเรื่องของ AI อยู่ในวาระการประชุม ขณะที่ 66% ของกรรมการยอมรับว่ายังมีความรู้เรื่อง AI อย่างจำกัด
ขณะเดียวกันพบว่าการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการกำกับดูแล AI ในบริษัท S&P 500 เพิ่มขึ้นกว่า 80% ระหว่างปี 2023-2024 แสดงให้เห็นว่ามีคณะกรรมการได้เริ่มให้ความสำคัญต่อ AI โดยเฉพาะในประเด็นของการกำกับดูแลมากขึ้น
เหตุที่ทำให้ AI มีความสำคัญต่อคณะกรรมการของบริษัทเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย
1. AI กลายเป็นแนวทางในการสร้างความสามารถทางการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของการเพิ่มประสิทธิภาพ การลดต้นทุน การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
คณะกรรมการบริษัทจึงต้องตระหนักและให้ความสำคัญต่อ AI ในมุมของการเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับองค์กร
2. AI กลายเป็นเครื่องมือ ที่จะลดความเหลื่อมล้ำของข้อมูลระหว่างฝ่ายบริหารและคณะกรรมการ รวมทั้งเป็นเครื่องมือที่จะทำให้ทั้งการนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจและในการคาดการณ์สิ่งที่จะเป็นไปในอนาคต
ซึ่งการลดความเหลื่อมล้ำและถูกต้องของข้อมูล จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยทำให้คณะกรรมการตัดสินใจได้ดีขึ้น
3. ความคาดหวังของผู้ถือหุ้นและนักลงทุน เนื่องจากความโปร่งใสในการกำกับดูแลเป็นสิ่งที่สำคัญ ทำให้การเปิดเผยข้อมูลในเรื่องการกำกับ AI ของบริษัทใน S&P 500 เพิ่มขึ้น
และเป็นสิ่งที่นักลงทุนเริ่มคาดหวังจากบริษัทมากขึ้น ซึ่งคณะกรรมการก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบที่จะดูแลเรื่องการกำกับและการเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น
4. ความเสี่ยงในการนำเสนอข้อมูลที่ผิดพลาด เมื่อฝ่ายบริหารมีการนำ AI มาใช้มากขึ้น และถ้าขาดการกำกับดูแลที่ดีก็จะมีความเสี่ยงจากเรื่องอคติของอัลกอริทึม ซึ่งถ้าไม่ระมัดระวังก็อาจจะนำไปสู่การทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบริษัท
ดังนั้น คณะกรรมการจึงต้องกำกับให้มีระบบที่ดีในการไม่ให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว
คณะกรรมการบริษัท สามารถนำ AI มาใช้ในหลายบทบาทและรูปแบบ ได้แก่
1. การสังเคราะห์ข้อมูล โดยรวบรวมข้อมูลทั้งจากภายในและภายนอก จากนั้นให้ AI ช่วยในการวิเคราะห์และนำเสนอในรูปแบบที่ช่วยให้คณะกรรมการสามารถมองเห็นความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึ้น
2. การสร้างภาพความเป็นไปได้ในอนาคต หรือ ฉากทัศน์ (Scenario) โดยวิเคราะห์จำลองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้คณะกรรมการสามารถประเมินผลกระทบของทางเลือกต่างๆ รวมทั้งช่วยในการวิเคราะห์คู่แข่งและตรวจจับการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่จะเกิดขึ้น
3. การส่งเสริมในด้านการกำกับความเสี่ยง โดยคณะกรรมการสามารถกำกับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการนำ AI มาใช้ในการตรวจจับความเสี่ยงต่างๆ ทั้งความผิดพลาดทางด้านการเงิน การแจ้งเตือนประเด็นด้านจริยธรรม หรือ ความผิดพลาดในการดำเนินงาน
4. การนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประชุม โดยสามารถกำกับดูแลให้เลขานุการบริษัท นำ AI มาใช้ทั้งการจัดเตรียมเอกสาร การสรุปบันทึกรายงานการประชุม รวมทั้งการสรุปเอกสารการประชุม ซึ่งจะทำให้ลดภาระงานประจำลง
ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทในยุค AI นี้ จะต้องผลักดันในเรื่องการนำ AI ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการทำงานของคณะกรรมการ
ขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมให้มีการพัฒนากรอบกำกับ AI เพื่อดูแลกำกับดูแลด้านอคติ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ การคุ้มครองข้อมูล ที่สำคัญคือกรรมการบริษัทควรจะต้องพัฒนาและสร้างความรู้พื้นฐานทางด้าน AI โดยเข้าใจทั้งขีดความสามารถ ข้อจำกัด และความเสี่ยงของ AI
ในยุค AI นี้ คณะกรรมการสามารถที่นำ AI มาเป็นเครื่องมือได้มากขึ้น แต่ยังควรใช้วิจารณญาณในการคิดและตัดสินใจ เพื่อให้ได้ทั้งประโยชน์จาก AI และมีความเหมาะสมกับบริบทและสังคมมนุษย์.







