นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทย: ลดเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ สร้างความมั่งคั่งเศรษฐกิจไทย

ในอดีต คนไทยจำนวนไม่น้อยไม่สามารถเข้าถึงการรักษาที่จำเป็นได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุที่มีปัญหาฟันปลอมหลวมหลุดและต้องการใส่รากฟันเทียม
หรือผู้ป่วยจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ที่จำเป็นต้องผ่าตัดใส่แผ่นปิดกะโหลกศีรษะเฉพาะบุคคลด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง ทำให้หลายคนหมดโอกาสในการรักษา
แต่กระนั้นสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลง เมื่อผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนา นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ ที่มีคุณภาพมาตรฐานและราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บรรจุบริการเหล่านี้ไว้ในสิทธิประโยชน์ ส่งผลให้ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาที่จำเป็นมากขึ้น และคุณภาพชีวิตของคนไทยได้รับการยกระดับ
นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยจึงไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็น เครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพ และยังเป็น โอกาสสร้างความมั่งคั่งใหม่ ให้เศรษฐกิจไทยในอนาคต
๐ ศักยภาพ “อุตสาหกรรมอนาคต”
หลายประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ในฐานะ “อุตสาหกรรมอนาคต” ที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุข
โดยใช้มาตรการสนับสนุนที่หลากหลายตั้งแต่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อเปิดตลาดในประเทศ การดึงดูดการลงทุนต่างชาติ การส่งเสริมการส่งออก การลงทุนวิจัยและพัฒนา (R&D) ไปจนถึงการสร้างบุคลากรด้านวิจัยและนวัตกรรมขั้นสูง
ประเทศไทยเองก็กำลังก้าวตามแนวทางนี้ โดยนับตั้งแต่ปลายปี 2565 สปสช. ได้บรรจุสินค้านวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยหลายรายการเข้าสู่สิทธิประโยชน์ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เช่น ถุงทวารเทียม รากฟันเทียม แผ่นปิดกะโหลกศีรษะ และชุดตรวจคัดกรองพยาธิใบไม้ในตับ (OV-ATK)
นโยบายนี้ไม่เพียงสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจโดยตรงอย่างน้อย 72 ล้านบาท แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงการรักษา ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และเสริมสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับประเทศ
๐ ความท้าทายที่ต้องฟันฝ่า
แม้จะเห็นผลเชิงบวก แต่นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายสำคัญ ได้แก่ 1.ระบบจัดซื้อและเบิกจ่ายที่ซับซ้อน ทำให้การส่งต่อข้อมูลและการเบิกจ่ายล่าช้า หรือผู้ประกอบการเสี่ยงต่อการไม่ได้รับเงินหรือได้รับล่าช้า ซึ่งกระทบต่อสภาพคล่องของผู้ประกอบการ
2.ความเชื่อมั่นของผู้ใช้ยังไม่สูง เนื่องจากขาดข้อมูลสนับสนุนทางคลินิกและผลการใช้งานจริง
3.ข้อจำกัดด้านทุน เทคโนโลยี และการตลาดของผู้ผลิตไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SMEs ที่ต้องแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติที่มีศักยภาพสูงกว่า และ
4.การแข่งขันจากสินค้านำเข้า ที่ครองความเชื่อมั่นของแพทย์และผู้ป่วยมาก่อน และบางครั้งใช้กลยุทธ์ลดราคาเพื่อกีดกันผู้เล่นรายใหม่ ผลคือ การขยายตลาดของนวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยยังคงติดขัด และยังไม่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจได้เต็มศักยภาพ
๐ บทเรียนจากเกาหลีใต้และสิงคโปร์
เกาหลีใต้ ตั้งเป้าเป็นผู้ส่งออกเครื่องมือแพทย์อันดับ 5 ของโลกภายในปี 2027 ด้วยกลยุทธ์หลัก 4 ประการ ได้แก่
(1) เพิ่มการลงทุนวิจัยพัฒนาร่วมระหว่างรัฐและเอกชน
(2) สร้างแรงจูงใจให้ใช้เครื่องมือแพทย์ในประเทศ
(3) มุ่งขยายสู่ตลาดโลก ด้วยมาตรฐานสากลและนโยบายส่งออก และ
(4) เร่งเข้าสู่ตลาดเทคโนโลยี AI และดิจิทัล พร้อมปรับปรุงกฎระเบียบและสร้างบุคลากรทักษะสูง
เครื่องมือขับเคลื่อนสำคัญคือ การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ KONEPS ที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้ง มาตรการสนับสนุน SMEs และสตาร์ตอัปอย่างเป็นระบบ
สิงคโปร์ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวการแพทย์ระดับโลก โดยใช้ยุทธศาสตร์ครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างบุคลากรด้านวิจัยและนวัตกรรม ไปจนถึงการพัฒนาร่วมกับภาคธุรกิจ
จุดเด่นที่สำคัญคือ ศูนย์กลางจัดซื้อและโลจิสติกส์ (ALPS) ที่รวบรวมข้อมูลการใช้งาน วิเคราะห์ความต้องการ และวางแผนการจัดซื้ออย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ได้รวดเร็ว ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
๐ ก้าวต่อไปของประเทศไทย
เพื่อให้นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยเติบโตและแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ประเทศไทยควรดำเนินการอย่างจริงจังใน 5 ด้านหลัก ได้แก่
1.ปฏิรูประบบจัดซื้อและการเบิกจ่าย ให้รวดเร็ว โปร่งใส และตอบโจทย์หน่วยบริการ
2.สร้างความเชื่อมั่นในสินค้านวัตกรรมไทย ด้วยการยกระดับมาตรฐานคุณภาพ และเผยแพร่ผลการใช้งานจริงในวงกว้าง
3.จัดเวทีความร่วมมือ (Consortium)ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัย ผู้ประกอบการและผู้ป่วย/ผู้ใช้ อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์จริงและขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้
4.ประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อเพิ่มการรับรู้สิทธิประโยชน์และส่งเสริมการป้องกันโรคผลักดันการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้วยการยกระดับสู่มาตรฐานสากล เช่น CE Mark และ US FDA พร้อมทั้งสนับสนุนกิจกรรมทางการตลาดและสร้างพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์
นวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทยไม่ใช่แค่การสร้างเทคโนโลยีใหม่ แต่คือ เครื่องมือสำคัญในการสร้างความเท่าเทียมทางสุขภาพ และเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจอนาคต
หากประเทศไทยสามารถปรับระบบและสร้างความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และผู้ใช้บริการได้อย่างแท้จริง อุตสาหกรรมนี้จะไม่เพียงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย แต่ยังสร้างความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศได้อย่างยั่งยืน
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานวิจัยโครงการ “แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาสินค้านวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ไทย: กรณีศึกษาเครื่องมือแพทย์ในบัญชีนวัตกรรมไทยซึ่งมีการใช้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) (TCELS)







