สมรภูมิลิขสิทธิ์ ยักษ์ใหญ่บันเทิง Vs. Generative AI | พิเศษ เสตเสถียร

สมรภูมิลิขสิทธิ์ ยักษ์ใหญ่บันเทิง Vs. Generative AI | พิเศษ เสตเสถียร

ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถรังสรรค์ผลงานศิลปะได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส เส้นแบ่งระหว่าง “แรงบันดาลใจ” กับ “การลอกเลียน” ก็ดูจะพร่าเลือนลงทุกขณะ

และบัดนี้เส้นแบ่งดังกล่าวได้ถูกขีดให้คมชัดขึ้นในสนามรบแห่งใหม่นั่นคือ ห้องพิจารณาคดี 

คดีความครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง The Walt Disney Company และ Universal Studios ในฐานะโจทก์ กับ Midjourney บริษัท Generative AI ชื่อดังในฐานะจำเลย ได้จุดประกายคำถามสำคัญที่จะส่งผลสะเทือนต่ออนาคตของกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

Midjourney คือ แพลตฟอร์ม AI ที่ปฏิวัติวงการสร้างสรรค์ด้วยความสามารถในการแปลงข้อความคำสั่ง (Text Prompt) ให้กลายเป็นภาพดิจิทัลอันน่าทึ่ง เพียงผู้ใช้ป้อนคำสั่งว่า “สไปเดอร์แมนโบยบินเหนือมหานครนิวยอร์ก” อัลกอริทึมก็จะสร้างสรรค์ภาพที่ใกล้เคียงจินตนาการนั้นออกมาได้ในทันที

แต่ “ความอัจฉริยะ” นี้เองที่กลายเป็นชนวนของข้อพิพาท เมื่อ Disney และ Universal ตรวจพบว่าผลงานที่ AI สร้างขึ้นนั้นไม่ได้เป็นเพียงภาพที่ “คล้าย” แต่กลับถอดแบบตัวละครเอกลักษณ์ของตนออกมาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น Darth Vader, Minions, หรือ Shrek ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยปราศจากการขออนุญาต หรือการจ่ายค่าลิขสิทธิ์แม้แต่สตางค์เดียว

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 Disney และ Universal ได้ยื่นฟ้อง Midjourney ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ต่อศาลในลอสแอนเจลิส แก่นของคำฟ้องกล่าวหาว่า Midjourney ได้ใช้วิธีการ “กวาดเก็บ” (Scraping) ข้อมูลรูปภาพที่มีลิขสิทธิ์จำนวนหลายพันล้านชิ้นจากทั่วทั้งอินเทอร์เน็ต เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการ “ฝึกฝน” (Train) โมเดล AI ของตน

ซึ่งถือเป็นการแสวงหาประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นอย่างมหาศาล โดยไม่ได้ลงทุนในผลงานสร้างสรรค์ดั้งเดิมเหล่านั้นเลย

การใช้ลิขสิทธิ์ของผู้อื่นโดยชอบธรรมหรือ Fair Use เป็นประเด็นสำคัญที่จะตัดสินว่าการกระทำของ Midjourney นั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ฝ่ายโจทก์มีแนวโน้มจะต่อสู้ว่า การกระทำของ Midjourney ไม่เข้าข่าย Fair Use เนื่องจากเป็นการนำผลงานไปใช้ในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดของผลงานลิขสิทธิ์เดิม เพราะผู้ใช้สามารถสร้างภาพตัวละครที่เหมือนต้นฉบับได้โดยไม่ต้องซื้อสินค้าหรือขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์

ในทางกลับกัน Midjourney อาจยกหลักการ “การใช้เพื่อการเปลี่ยนแปลง” (Transformative Use) ขึ้นมาต่อสู้ โดยอาจอ้างว่ากระบวนการ “ฝึกฝน” AI เป็นการสร้างเครื่องมือใหม่ขึ้นมา ซึ่งไม่ได้เป็นการคัดลอกผลงานเดิมมานำเสนอซ้ำ

แต่เป็นการเรียนรู้ “สไตล์” หรือ “องค์ประกอบ” เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ทั้งหมด และภาพที่ได้จาก AI ก็ถือเป็นผลงานชิ้นใหม่ที่ถูกดัดแปลงไปแล้ว

ผลของคดีนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานสำคัญที่จะชี้ว่า บริษัท AI จะสามารถนำข้อมูลมหาศาลบนโลกออนไลน์ไปใช้ฝึกฝนโมเดลของตนได้อย่างเสรีหรือไม่

หากศาลตัดสินให้ Disney และ Universal เป็นฝ่ายชนะ อาจส่งผลให้บริษัท AI จำนวนมากต้องหันไปใช้ข้อมูลที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้น ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการพัฒนาสูงขึ้นมหาศาล หรือแม้กระทั่งเสี่ยงต่อการถูกสั่งปิดกิจการได้