ยึดมั่นธุรกิจหลัก-สร้างสิ่งใหม่ คัมภีร์สตาร์ตอัปตัวจริงฝ่าวิกฤติ

ยึดมั่นธุรกิจหลัก-สร้างสิ่งใหม่  คัมภีร์สตาร์ตอัปตัวจริงฝ่าวิกฤติ

“ต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เชื่อมั่นในตัวธุรกิจหลักและพยายามรักษาไว้” บทสรุปจากสตาร์ตอัปตัวจริงที่นำพาธุรกิจอยู่รอดจากวิกฤติโควิด-19

“ต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เชื่อมั่นในตัวธุรกิจหลักและพยายามรักษาไว้” บทสรุปจากสตาร์ตอัปตัวจริงที่นำพาธุรกิจอยู่รอดจากวิกฤติโควิด-19 แถมยังเติบโตแบบก้าวกระโดด

ร่วมแชร์บทเรียนและวิธีสร้างทางรอดเพื่อให้ธุรกิจเติบโต ในงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2025 หรือ SITE 2025 มหกรรมนวัตกรรม-สตาร์ตอัปที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดโดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA

โอกาสสร้างความใหม่

รังสรรค์ พรมประสิทธิ์ CEO & Co-Founder บริษัท คิวคิว (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันลดปัญหาการรอคิว ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างของสตาร์ตอัปรุ่นพี่ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและสร้าง Impact ให้กับสังคมชัดเจน นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 2558 จนปัจจุบัน

“คิวคิวได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและลบ ผลกระทบด้านลบ คือ เซกเมนต์หลักเดิมอย่างร้านอาหารโดนล็อกดาวน์ทำให้รายได้ตรงนี้หายไป แต่ความโชคดีคือเราปรับและขยายออกไปจากเซกเมนต์เดิม

ส่งผลกระทบทางบวกในเซกเมนต์อื่นๆ เช่น ธนาคาร ราชการ รวมถึงเรื่องเปิดเมือง โซลูชั่นแบบคิวคิวเป็นที่ต้องการเพราะพิสูจน์แล้วว่าได้ผล ใช้งานง่าย วิกฤติโควิดเป็นจังหวะที่ทำให้เราได้เปรียบในการขยายธุรกิจ”

ในช่วงโควิด-19 บริษัทเริ่มเข้าไปทํางานกับภาครัฐ ซึ่งมีปัญหาเรื่องการจัดการระบบคิวของประชาชนที่มารับบริการ ทั้งยังพบว่าโซลูชันที่ใช้กับธุรกิจร้านอาหารไม่สามารถใช้กับภาครัฐ ขณะเดียวกันในส่วนของออฟฟิศก็ต้องล็อกดาวน์ แต่พนักงานจะต้องทำงานและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่

“ตอนนั้นคือช่วงเวลาที่แบบ prove สุดๆ โอกาสทางธุรกิจไม่ใช่แค่การทํากําไรแต่คือรอดหรือไม่รอด แล้วก็คนเริ่มเห็นคุณค่าของคิวคิว ทําให้ยูสเซอร์ที่ไม่เคยรู้จักคิวคิวมาก่อนเข้ามาหาเรามากยิ่งขึ้น

พอโควิดจบ เราก็เลยมีหลายตะกร้า มีบริการโซลูชันเพิ่มขึ้น ทำให้มีภูมิต้านทาน มากขึ้น ฉะนั้น ในอนาคตหากมีสถานการณ์วิกฤติอีก ผมมั่นใจว่าคิวคิวจะสามารถรับมือและอยู่รอดได้”

รักษาธุรกิจหลักให้รอด

ธีระ ศิริเจริญ CEO & Cofounder บริษัท กอล์ฟดิกก์ จำกัด แพลตฟอร์มจองออกรอบสนามกอล์ฟออนไลน์ ที่ให้บริการทั้งบบเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน ร่วมแชร์บทเรียนในงานเดียวกัน ระบุว่า

แม้ช่วงโควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป ทำให้สนามกอล์ฟมีรายได้ลดลงไปมาก บางสนามปิดยาว แต่การนั่งรอโอกาสว่าเมื่อไรจะมีการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ใช่คำตอบ!คำว่า “สู้ต่อไป” ต่างหากคือทางรอด

Golfdigg จัดกลยุทธ์ออกเป็น 3 กลุ่มหลัก หรือที่เรียกว่า “เรือ 3 ลำ” ดังนี้

เรือที่ 1 รักษาธุรกิจหลักให้รอด โดยเชื่อมั่นว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย “การจองออนไลน์” จะกลับมาเป็นที่ต้องการ เช่นเดียวกับธุรกิจโรงแรม สายการบิน และกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ

ดังนั้น เราจึงพยายามรักษาทีมงานหลักไว้ เพื่อคงบริการการจองในธุรกิจสนามกอล์ฟไว้ให้ได้ แม้จะต้องลดเป้าหมายด้านกำไร แต่ยังคงให้บริการอย่างต่อเนื่อง

เรือที่ 2 รับโปรเจกต์เสริมที่ต่อยอดกับธุรกิจเดิม ด้วยการมองหาโครงการขนาดใหญ่ที่สามารถต่อยอดกับธุรกิจเดิมได้ เช่น ระบบจองโรงแรม สปา ท่องเที่ยวและบริการขนส่ง ที่ต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในเสาหลักที่ช่วยสร้างรายได้ และเชื่อมโยงกลับมายังธุรกิจหลักอย่างลงตัว

เรือที่ 3: พัฒนาแนวคิดใหม่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสนามกอล์ฟ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ระบบ cashless, e-coupon, และระบบติดตามแบตเตอรี่ในรถกอล์ฟ

โครงการหนึ่งที่โดดเด่นคือ การพัฒนาแพ็คแบตเตอรี่ลิเธียมภายในประเทศ และนำไปใช้งานกับรถกอล์ฟในหลายสนาม ซึ่งโครงการนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA)

“สิ่งที่เราได้เรียนรู้ คือ ความสำคัญของการไม่ยอมแพ้ การปรับตัวอย่างทันท่วงที และการพัฒนาธุรกิจให้เหมาะสมกับบริบทของแต่ละช่วงเวลา วิกฤติอาจเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ผู้บริหารและผู้ก่อตั้งจำเป็นต้องมีความสามารถในการผ่านช่วงเวลาเช่นนั้นให้ได้”

ปฏิวัติธุรกิจร้านอาหาร

ฐากูร ชาติสุทธิผล Co-Founder of FoodStory and Head of POS Innovation, LINEMAN Wongnai มองว่า โควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่าง โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลประกาศให้ทุกธุรกิจล็อกดาวน์

ทางบริษัทจึงประเมินสถานการณ์ตัวเองและตัดสินใจที่จะไม่ลดเงินเดือนพนักงาน ไม่เลิกจ้าง ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เพื่อให้ร้านอาหารยังสามารถยืนต่อได้

FoodStory ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ที่ปฏิวัติวงการธุรกิจร้านอาหารก็คือ Mobile order คือ ระบบสั่งอาหารผ่านมือถือโดยลูกค้าสามารถสแกน QR Code ที่โต๊ะอาหารเพื่อเข้าถึงเมนูอาหาร สั่งอาหาร และชำระเงินได้ด้วยตนเอง

เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่ท้าทายมากโดยมีต้นทุนการบริหารจัดการสูงมากต่อหนึ่ง transaction แต่โชคดีที่สามารถระดมทุนรอบ 2 ได้สำเร็จ ทําให้มีกําลังที่จะไปต่อ พร้อมทั้งก็ได้พิสูจน์ในธุรกิจตัวนั้นว่าเราสามารถเติบโตได้ 10 เท่าติดต่อกัน 2 ปี

ทั้งนี้ FoodStory POS เป็นระบบจัดการหน้าร้านแบบ iPad ที่ตอบโจทย์ทุกรูปแบบประเภทร้านอาหาร ตั้งแต่ร้านอาหารขนาดเล็ก และเครื่องดื่มทั่วไปที่ซื้อกลับบ้าน ร้านอาหารที่นั่งรับประทานในร้าน ร้านบุฟเฟต์  ไปจนถึงบริษัทร้านอาหารในเครือขนาดใหญ่ 

FoodStory POS มีจุดเด่นอยู่ตรงที่สามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้ แอปพลิเคชัน ได้แบบเรียลไทม์  โดยสามารถเริ่มต้นด้วย iPad เพียงเครื่องเดียว ซึ่งครอบคลุมทั้งการจัดการหน้าร้านเพื่อรองรับลูกค้า Dine-in และลูกค้าที่สั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่

พร้อมทั้งระบบเก็บข้อมูลทุกกิจกรรมภายในร้านอาหารอย่างละเอียด โดยข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกสร้างขึ้นเป็นรายงาน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถเห็นข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อยอดธุรกิจได้

“สิ่งที่ FoodStory พัฒนาขึ้นมานั้น แนวคิดหลักเกิดจาก Paperless หรือระบบการทำงานแบบไร้กระดาษทั้งสิ้น ไม่ว่าลูกค้าจะสั่งอาหารทางไหนก็ตาม ทั้งทางหน้าจอสมาร์ทโฟนของลูกค้าเอง หน้าตู้ Kiosk ภายในร้านอาหาร

หรือสั่งจากโต๊ะที่นั่งทานอาหารภายในร้าน ข้อมูลออเดอร์จะถูกส่งตรงไปยังระบบ POS และระบบ Kitchen Display หรือระบบจัดการหลังครัวเพื่อดำเนินการผลิตอาหารและคิดเงินตามออเดอร์”

“ผมพัฒนาโซลูชันนี้ตั้งแต่ปี 2560 แล้วก็นำเสนอร้านอาหารแต่ไม่ได้รับการตอบรับจนกระทั่งเกิดวิกฤติโรคระบาด

บทเรียนนี้ก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่สําคัญที่สุดไม่ว่าเราจะพัฒนาโปรดักต์ได้เร็วขนาดไหน เมคเซ้นส์ขนาดไหน แต่ถ้าจังหวะเวลาไม่เหมาะสม โอกาสเกิดก็ยากแต่สุดท้ายก็ต้องได้เกิด อย่างคิวอาร์โค้ด พอหลังจากโควิดมาปุ๊บ ทุกคนสแกนคิวอาร์โค้ด คือเป็นเรื่องปกติมาก”