Synology เร่งขยายตลาดอาเซียน หลังยอดขายไทย-เวียดนามโต 250% ใน 5 ปี

ดีมานด์โซลูชันจัดเก็บข้อมูลพุ่งแรง ซินโนโลจี ชี้ อาเซียนโต 250% ภายใน 5 ปี ดันนวัตกรรมใหม่บุกตลาด ตั้งแต่คลาวด์กล้องวงจรปิดถึง NAS ที่ทำงานแทนเซิร์ฟเวอร์ พร้อมดึง AI จัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย
ยุคที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพยากรหลักของธุรกิจโลก การจัดเก็บ ปกป้อง และบริหารข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญของทุกองค์กร ทำให้ “ซินโนโลจี” (Synology) บริษัทเทคโนโลยีจากไต้หวัน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบจัดเก็บข้อมูลและโซลูชันความปลอดภัย เร่งขยายฐานจากตลาดหลักสหรัฐ และยุโรป มาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง
ธัชวรรณ ชินชนากานต์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำภูมิภาคอาเซียนของซินโนโลจีเปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ระหว่างร่วมงาน COMPUTEX 2025 ณ ประเทศไต้หวัน ว่า ปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้ใช้และรูปแบบการทำงานแบบไฮบริด ทำให้ทั้งธุรกิจและบุคคลทั่วไปต้องการโซลูชันที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างปลอดภัย ควบคุมได้ และมีต้นทุนเหมาะสม
นอกจากนี้ ข้อมูลจากบริษัทชี้ให้เห็นว่า ตลาดไทยและเวียดนามมีอัตราการเติบโตสูงถึง 250% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา สะท้อนศักยภาพของภูมิภาคอาเซียนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันหนุนตลาดอาเซียนโต
ภายในงาน COMPUTEX 2025 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม “AI Next” ซินโนโลจีเปิดตัวนวัตกรรมสำคัญหลายรายการ เช่น C2 Surveillance ซึ่งเป็นระบบ Video Surveillance as a Service (VSaaS) ที่เน้นการใช้งานง่าย ไม่ต้องพึ่งพาเซิร์ฟเวอร์ พร้อมรองรับการมอนิเตอร์หลายสาขาผ่านอินเทอร์เฟซเดียว
ระบบ C2 Surveillance มาพร้อมฟังก์ชันบันทึกภาพบน microSD และซิงก์ขึ้นคลาวด์แบบอัตโนมัติ รวมถึงระบบ failover ที่ช่วยให้กล้องทำงานต่อเนื่องแม้เกิดปัญหาเครือข่าย นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาเพิ่มเติมให้สามารถค้นหาวัตถุหรือเหตุการณ์ด้วยการค้นหาข้อความ (semantic video search) ได้ในอนาคต
บริษัทยังเปิดตัวโซลูชันจัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงรุ่นใหม่ PAS7700 ซึ่งเป็นระบบ NVMe All-Flash สำหรับองค์กรที่มีภาระงานระดับ Mission-Critical โดยเน้นความเร็วสูง ความเสถียร และการให้บริการแบบไม่หยุดชะงัก เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่ขยายตัวในอนาคต
ธัชวรรณ อธิบายเบื้องหลังการขยายตัวในภูมิภาคนี้ว่า แท้จริงแล้วในอดีตตลาดใหญ่อยู่ฝั่งสหรัฐ และยุโรป แต่ปัจจุบันเราเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้แรงกระตุ้นจากการเร่งทำ Digital Transformation รวมถึงผลกระทบจากสงครามการค้าที่ทำให้ซัพพลายเชนเปลี่ยน และธุรกิจต้องเร่งพึ่งพาระบบดิจิทัลของตนเองมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ซินโนโลจีจึงเพิ่มงบประมาณการตลาดในอาเซียน พร้อมจัดกิจกรรมหลายรูปแบบ ทั้งงานอีเวนต์สำหรับผู้ใช้ทั่วไป และเวิร์กช็อปออนไลน์ร่วมกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจ เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องการปกป้องข้อมูล (Data Protection) และการจัดเก็บข้อมูลอย่างถูกวิธี รวมถึงแคมเปญสร้างการรับรู้ในกลุ่มผู้บริโภคที่เพิ่งเริ่มรู้จัก NAS
NAS หรือ Network Attached Storage คืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง จัดการ และแบ่งปันข้อมูลได้จากทุกที่ โดย NAS มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง และรองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ ทั้งในด้านการแบ็กอัป การแชร์ไฟล์ การจัดการผู้ใช้งาน และแม้แต่การเชื่อมต่อกับระบบเอไอหรือกล้องวงจรปิด ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญทั้งในภาคธุรกิจและผู้ใช้ทั่วไป
ตลาดไทยเปลี่ยนมุมมอง NAS จากฮาร์ดดิสก์เป็นเซิร์ฟเวอร์
รหัท บุญตันจีน ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทยของซินโนโลจี เสริมว่า แนวโน้มผู้ใช้ทั่วไปในไทยเริ่มเปลี่ยนภาพลักษณ์ว่า NAS ไม่ใช่แค่ฮาร์ดดิสก์เก็บไฟล์ แต่เป็นโซลูชันที่ติดตั้งแอปพลิเคชันทำงานได้เหมือนเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร ทั้งการแชร์ไฟล์ แบ็กอัป พื้นที่ทำงานร่วมกัน และการจัดการสิทธิ์เข้าถึงข้อมูล
NAS (Network Attached Storage) คืออุปกรณ์เก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในบ้านหรือองค์กรได้โดยตรง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเก็บ แบ่งปัน ปกป้อง และจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์งาน รูปภาพ วิดีโอ หรือข้อมูลจากกล้องวงจรปิด
สิ่งที่ทำให้ NAS ของ Synology แตกต่างคือ ไม่ได้เป็นแค่ฮาร์ดดิสก์เก็บไฟล์ แต่คือ “โซลูชันจัดการข้อมูล” ที่มีฟังก์ชันเทียบเท่าเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร รองรับการติดตั้งแอปพลิเคชันเพิ่มเติม เช่น ระบบแบ็กอัป ระบบแชร์ไฟล์ ระบบกล้องวงจรปิด ระบบแชทภายในองค์กร และแม้แต่ระบบเอไอวิเคราะห์ข้อมูล
“ผู้ใช้จำนวนมากเริ่มต้นจากการสำรองข้อมูลในบ้าน แล้วขยับไปใช้ร่วมกับพีซีหรือสมาร์ตโฟน สุดท้ายกลายเป็นศูนย์กลางข้อมูลของทั้งครอบครัวหรือธุรกิจเล็ก” รหัทกล่าว
ขณะที่ระบบจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์สาธารณะ (Public Cloud) แม้จะใช้งานสะดวก แต่มีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน/ปี ยิ่งมีข้อมูลหรือผู้ใช้งานมาก ต้นทุนยิ่งสูง ไม่สามารถควบคุมความเป็นส่วนตัวของข้อมูลได้ 100% และหากระบบมีปัญหา อาจใช้เวลานานในการเรียกข้อมูลกลับ
NAS ของซินโนโลจีให้ความเป็นเจ้าของข้อมูลเต็มรูปแบบ (Data Ownership) โดยข้อมูลอยู่กับองค์กร ไม่ต้องส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของบุคคลที่สาม มีต้นทุนระยะยาวต่ำกว่า ความยืดหยุ่นสูง สามารถอัปเกรดฟีเจอร์ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร
ตัวอย่างการใช้งานจริงในตลาดไทย ได้แก่ โรงงานที่ต้องเก็บข้อมูลภาพกล้องวงจรปิดตามข้อกำหนด ISO โรงเรียนที่มีกล้องหลากหลายยี่ห้อต้องการรวมศูนย์ระบบดูภาพ ร้านทองหรือธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากภายใน และองค์กรที่ต้องการแชทภายในหรือใช้งานเอไอโดยข้อมูลไม่รั่วไหล
AI Console ช่วยจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย
อีกหนึ่งเทรนด์สำคัญที่ซินโนโลจี มุ่งเน้นคือ เอไอ โดยพัฒนา AI Console ให้ผู้ใช้องค์กรสามารถใช้เอไอมาช่วยสรุป วิเคราะห์ และจัดการข้อมูลบน NAS ได้อย่างปลอดภัย ควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงก่อนส่งออกไปยังบริการภายนอก เช่น GPT หรือระบบเอไอภาษาอื่น
ผู้บริหารทั้งสองยืนยันว่า ซินโนโลจีไม่ได้เป็นแค่ผู้ผลิต NAS แต่คือผู้ให้บริการ Data Solution แบบครบวงจร พร้อมตอบโจทย์องค์กรไทยที่ต้องการควบคุมข้อมูลด้วยตนเอง ลดค่าใช้จ่ายระยะยาว และบริหารจัดการข้อมูลอย่างยั่งยืน
“ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง ความเข้าใจและการจัดการข้อมูลอย่างเป็นระบบคือ สิ่งสำคัญที่จะทำให้องค์กรอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว” ธัชวรรณ กล่าวทิ้งท้าย