รู้จักโปรเจกต์ World ของ ‘แซม อัลต์แมน’ ที่จะแยก AI ออกจากมนุษย์

รู้จักโปรเจกต์ World ของ ‘แซม อัลต์แมน’ ที่จะแยก AI ออกจากมนุษย์

รู้จัก World โปรเจกต์ของ ‘แซม อัลต์แมน’ ผู้สร้าง ChatGPT และ ‘อเล็กซ์ บลาเนีย’ ร่วมสร้าง Network ของคนทั้งโลกเพื่อแยก AI ออกจาก ‘มนุษย์’

เมื่อในอนาคตที่ AI  กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่า AI จะมาพร้อมกับประโยชน์มากมายมหาศาล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็ก่อให้เกิดความกังวลต่างๆ ตามมา หนึ่งในนั้นคือปัญหาการปลอมแปลงตัวตน หรือการที่บุคคลถูกสวมรอยโดย AI ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง เช่น การสร้าง "Deepfake" หรือวิดีโอปลอมที่ดูเหมือนจริงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายขึ้น

รู้จักโปรเจกต์ World ของ ‘แซม อัลต์แมน’ ที่จะแยก AI ออกจากมนุษย์

นั่นจึงทำให้ “แซม อัลต์แมน” ผู้ก่อตั้ง OpenAI ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่เบื้องหลัง ChatGPT ได้พัฒนา “World”  ที่จะมาแก้ปัญหา  การแยกแยะระหว่าง AI และมนุษย์ ด้วยแนวคิด Proof-of-Human (พิสูจน์ความเป็นคน) ในโลกดิจิทัล

นอกจากนี้ อเล็กซ์ บลาเนีย (Alex Blania)ผู้ร่วมก่อตั้ง "World" และ CEO  บริษัท “Tools for Humanity” ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ร่วมพัฒนาโปรเจกต์ “World” ด้วย ซึ่งบลาเนียจะมาให้มุมมองถึงความสำคัญของ “ดิจิทัล” ในโลกอนาคตที่ งาน “World Next” ในวันที่ 14 มี.ค.นี้ 

แต่ก่อนที่จะไปฟังอินไซต์จากผู้นำระดับโลก วันนี้ “กรุงเทพธุรกิจ” สรุปความน่าสนใจของ World ว่าจะสามารถแยก “มนุษย์” ออกจาก “AI” ได้อย่างไร?

 

World Network: 3 องค์ประกอบหลักเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์ในโลกดิจิทัล

World Network ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักที่ทำงานร่วมกันเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์และอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงบริการต่างๆ ในโลกดิจิทัลอย่างปลอดภัย ได้แก่ World ID, Orb และ World App

1. World ID: กุญแจสู่โลกดิจิทัลที่ปลอดภัย

 หลักฐานยืนยันความเป็นมนุษย์ดิจิทัลที่ช่วยให้บุคคลสามารถพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นมนุษย์ที่แท้จริง มีอัตลักษณ์ (Unique human) และไม่ใช่บอทหรือโปรแกรมอัตโนมัติ โดยไม่มีการเปิดเผยตัวตนของผู้ใช้ เพื่อใช้บริการออนไลน์ต่างๆ เช่น การเข้าสู่ระบบโซเชียลมีเดีย และการลงคะแนนเสียงออนไลน์ เป็นต้น

2. Orb: ดวงตาอัจฉริยะที่มองทะลุการปลอมแปลง

อุปกรณ์กล้องขั้นสูงที่ใช้ตรวจสอบว่าผู้ใช้เป็นมนุษย์ที่แท้จริง ซึ่งทำงานโดยการถ่ายภาพและประมวลผลภาพโดยไม่ต้องจัดเก็บรูปภาพหรือรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นใด ระบบนี้ช่วยให้สามารถแยกแยะบุคคลออกจากกันได้โดยไม่ต้องทราบว่าบุคคลนั้นเป็นใคร

3. World App: ศูนย์กลางการจัดการตัวตนดิจิทัลและกระเป๋าเงินดิจิทัล

แอปพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บ World ID และยังเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลแบบ Non-Custodial Wallet ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลกได้อย่างปลอดภัย และมีส่วนร่วมในระบบนิเวศของ World ผ่านการเข้าถึง Mini Apps ที่ให้บริการหลากหลาย

จุดเด่นของ World 

แก้ไขปัญหาการปลอมแปลงตัวตน: World ID ช่วยป้องกันการปลอมแปลงตัวตนและการสร้างบัญชีปลอม ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในโลกดิจิทัล

สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ: WLD ช่วยให้ผู้คนที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบการเงินแบบดั้งเดิม สามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลได้

กระจายอำนาจ: World  เป็นระบบที่กระจายอำนาจ ซึ่งหมายความว่าไม่มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งเป็นเจ้าของหรือควบคุมทั้งหมด

World ทำงานอย่างไร?

สิ่งที่จะใช้ในการพิสูจน์ว่าผู้ใช้ ID นี้เป็นคนจริงๆ ก็คือการใช้ Iris Biometric Scanner หรือเครื่องระบุความเป็นมนุษย์ด้วยการวิเคราะห์รูปแบบลายม่านตา โดยทาง Tools for Humanity ได้มีการออกแบบ Iris Scanner เป็นของตัวเองและให้ชื่อว่า “Orb”

เหตุผลที่ต้องถ่ายภาพม่านตา ทาง Alex Blania กล่าวว่าแนวคิดการพัฒนาโปรเจกต์นั้นเกิดขึ้นเกิดจากความซับซ้อนของ AI ที่เพิ่มขึ้น ทำให้พวกเขามีความต้องการที่จะแก้ปัญหาการแยกมนุษย์ออกจากบอท ซึ่งการที่ต้องสแกนม่านตานี้เขามองว่าม่านตาคือทางออกเดียวในการระบุความเป็นมนุษย์ เพราะ Biometric อื่นๆสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่าย เช่น ลายนิ้วมือ ใบหน้า รวมถึงหลักฐานที่เป็นเอกสาร

เพื่อใช้งาน World ID ทุกคนสามารถดาวน์โหลด World App ทำการนัดหมายล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อทำการยืนยันความเป็นมนุษย์ ณ จุดยืนยัน Orb Verification Site เมื่อถึงจุดยืนยัน เครื่อง Orb จะทำการถ่ายภาพม่านตาแปลงเป็นรหัสข้อมูล และจะทำการลบภาพถ่ายทั้งหมดทันที หลังจากยืนยันแล้วจะได้รับ World ID ซึ่งสามารถนำไปใช้ยืนยันในบริการออนไลน์ต่างๆ ได้ โดยระหว่างกระบวนการผู้ที่สแกนไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ Email บัตรประจำตัวประชาชน หรือ Passport เป็นต้น

AI การลงทุนใน ‘อนาคต’

นายณัฐกร อธิธนาวานิช กรรมการ ประธานคณะกรรมการบริหาร กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน กรรมการกำกับดูแลกิจการและความยั่งยืนมองว่า ในปัจจุบัน พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการลงทุนในแต่ละเจเนอเรชั่น เมื่อเทคโนโลยีมีการพัฒนา รูปแบบการลงทุนทุกอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนตาม แม้ว่าเอ็มเอฟซีจะดำเนินธุรกิจมานานถึง 50 ปี แต่การที่จะยึดติดกับการทำ mutual fund แบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าไม่ได้มีเพียงแค่กลุ่มเดิมเหมือนเมื่อ 50 ปีที่แล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น

การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการจัดการกองทุน ไม่ว่าจะในรูปแบบอีทีเอฟหรือรูปแบบอื่นๆ ถือเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากมีการกำกับดูแลที่ชัดเจนและมีความปลอดภัย ซึ่งเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เราไม่สามารถจำกัดรูปแบบการลงทุนของคนรุ่นใหม่ให้เหมือนกับรุปแบบการลงทุนแบบดั้งเดิมที่เน้นการลงทุนในหุ้นไทยหรือหุ้นต่างประเทศเพียงอย่างเดียวได้ เพราะพวกเขาอาจมีมุมมองและความสนใจในการลงทุนที่แตกต่างออกไป

ทั้งหมดนี้จะถูกถ่ายทอด “อินไซต์” ของการลงทุนในอนาคตที่งาน “World Next” ผ่านมุมมองผู้นำระดับโลกอย่าง Patrick Walujo (ผู้ร่วมก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการของ Northstar Group ประธานกรรมการ/CEO ของ GoTo Group), Alex Blania (CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Tools for Humanity ผู้ร่วมสร้าง World Network), Elaine Wu (กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายการลงทุนและ Portfolio Solutions ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ BlackRock) ซึ่งดำเนินรายการโดย ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกรัฐมนตรี)

รู้จักโปรเจกต์ World ของ ‘แซม อัลต์แมน’ ที่จะแยก AI ออกจากมนุษย์

งาน: “World Next”

วันที่: 14 มีนาคม 2568

เวลา: 17:00-21:00 น.

สถานที่: Centara Grand และ Bangkok Convention Centre @ CentralWorld ชั้น 22