แม้แต่ดาวอังคารก็ยังไม่ปลอดภัย ถ้า AI ที่ชาญฉลาดต่อต้านมนุษยชาติ

แม้แต่ดาวอังคารก็ยังไม่ปลอดภัย ถ้า AI ที่ชาญฉลาดต่อต้านมนุษยชาติ

วีทาลิก บูเทอริน (Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ซึ่งถือว่าเป็นนักพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่มีความสามารถ กล่าวว่าปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงสุดมี “โอกาสร้ายแรง” ที่จะแซงหน้ามนุษย์ที่จะกลายเป็น “สายพันธุ์ชั้นยอด” รุ่นถัดไปของโลก

เมื่อวันที่ 27 พ.ย.66  ได้โพสต์ความเห็นเกี่ยวกับ AI ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียว่า  AI นั้น “แตกต่างโดยพื้นฐาน” จากสิ่งประดิษฐ์ล่าสุดอื่น ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย , การคุมกำเนิด , เครื่องบิน , ปืน และอื่น ๆ เนื่องจาก AI สามารถสร้าง “จิตใจ” รูปแบบใหม่ที่สามารถขัดต่อผลประโยชน์ของมนุษย์ได้

“AI คือ จิตใจรูปแบบใหม่ที่ได้รับความฉลาดอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสที่จะแซงหน้าความสามารถทางจิตของมนุษย์และกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่บนโลกใบนี้”

บูเทอริน แย้งว่า AI ที่ชาญฉลาดไม่เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ , โรคระบาดที่มนุษย์สร้างขึ้น , หรือสงครามนิวเคลียร์ แต่มันอาจกวางล้างมนุษยชาติและจะไม่มีผู้รอดชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากท้ายที่สุด AI มองว่ามนุษย์เป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของมันเอง 

“วิธีหนึ่งที่ AI ที่ผิดพลาดอาจทำให้โลกแย่ลงได้คือ มันอาจทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ได้อย่างแท้จริง จนแม้แต่ดาวอังคารก็ไม่ปลอดภัย”

บูเทอริน อ้างอิงการสำรวจในเดือนสิงหาคม 2565 จากนักวิจัยด้านแมชชีนเลิร์นนิงกว่า 4,270 คน ซึ่งได้ประเมินโอกาสไว้ที่ 5-10% ที่ AI จะฆ่ามนุษยชาติ

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ บูเทอริน เน้นย้ำว่าตัวอย่างในลักษณะนี้ถือเป็นเรื่อง “สุดโต่ง” แต่ก็มีอาจมีทางที่มนุษย์จะมีชัยเช่นกัน

การเชื่อมต่อสมองควบคุมการทำงานของเทคโนโลยี

Buterin แนะนำให้มีการบูรณาการ brain-computer interfaces (BCI) เพื่อให้มนุษย์สามารถควบคุมรูปแบบการคำนวณและการรับรู้ที่ใช้ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยสิ่งนี้จะช่วยลดวงจรการสื่อสารสองทางระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรจากไม่กี่วินาทีเหลือเพียงมิลลิวินาที และที่สำคัญกว่านั้นคือทำให้แน่ใจว่ามนุษย์ยังคงรักษา “สิทธิ์เสรี” ไว้ได้ในระดับหนึ่งทั่วโลก

แม้แต่ดาวอังคารก็ยังไม่ปลอดภัย ถ้า AI ที่ชาญฉลาดต่อต้านมนุษยชาติ

บูเทอริน แนะนำว่าเส้นทางนี้จะ “ปลอดภัยกว่า” เนื่องจากมนุษย์อาจมีส่วนร่วมในการตัดสินใจแต่ละครั้ง

“เรา สามารถลดแรงจูงใจในการส่งต่อความรับผิดชอบในการวางแผนระดับสูงให้กับ AI เอง และด้วยเหตุนี้มันจึงลดโอกาสที่ AI จะทำบางสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับคุณค่าของมนุษยชาติโดยสิ้นเชิงด้วยตัวมันเอง”

บูเทอริน สรุปว่า พวกเรา “มนุษย์” คือดวงดาวที่สว่างที่สุดในจักรวาล ในขณะที่เราได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อขยายศักยภาพของมนุษย์มาเป็นเวลาหลายพันปี และหวังว่าจะมีอีกมากมายในอนาคต

อ้างอิง : cointelegraph