ออสเตรียออกนโยบาย ‘ตั๋วผิวหนัง’ สักคำว่า KlimaTicket ขึ้นรถฟรีทั้งปีไม่จำกัด

ออสเตรียออกนโยบาย ‘ตั๋วผิวหนัง’ สักคำว่า KlimaTicket ขึ้นรถฟรีทั้งปีไม่จำกัด

รัฐบาลออสเตรีย ออกนโยบาย “ตั๋วผิวหนัง” ให้คนมาสักคำว่า Klimaticket แลกกับค่าบัตรเดินทางด้วยรถไฟฟรี 1 ปี และยังใช้กับขนส่งสาธารณะอื่นๆ ได้ด้วย เช่น รสบัส รถราง เพื่อส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อม

ไอเดีย “ตั๋วผิวหนัง” กำลังเป็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากรัฐบาลออสเตรียออกนโยบายที่สามารถทำได้ทันทีคือ ให้ประชาชนมาสักคำว่า “Klimaticket” หรือ Climate ticket เพื่อแลกกับค่าตั๋วโดยสารขนส่งสาธารณะเกือบทั้งประเทศ 

เช่น รถไฟ รถไฟใต้ดิน รสบัส หรือรถราง ผู้โดยสารใช้ฟรีตลอดทั้งปีและไม่จำกัดจำนวนรอบใช้งาน โดยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 38,137 บาท ทำให้ผู้คนสามารถเดินทางทั่วออสเตรียได้ในราคาเพียง 3 ยูโร หรือ 114.41 บาท ต่อวัน 

แคมเปญดังกล่าว ถูกนำเสนอโดย ลีโอนอร์ กีเวสเลอร์ (Leonore Gewessler) รัฐมนตรีด้านสภาพอากาศของออสเตรียจากพรรคกรีน ผู้พัฒนานโยบายตั๋ว Klimaticket ตั๋วเหมาจ่ายรายปีสำหรับขนส่งสาธารณะ ซึ่งใช้ระยะเวลาวางแผนถึง 15 ปี 

“รอยสักไม่สามารถสักได้ตามร้านทั่วไป แต่ต้องสักที่ร้านสักเฉพาะกิจชื่อว่า ‘Aktion geht unter die Haut’ (Action that gets under your skin) โดยจะไปตั้งตามงานเทศกาลดนตรี และรับสักเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น ซึ่งจะให้บริการเฉพาะผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ผู้ที่มาสักลายจะมีรอยสักอยู่แล้ว” เลโอนอร์ กล่าว 

ออสเตรียออกนโยบาย ‘ตั๋วผิวหนัง’ สักคำว่า KlimaTicket ขึ้นรถฟรีทั้งปีไม่จำกัด

วัตถุประสงค์ของ Klimaticket คือ ออสเตรียต้องการที่จะลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวลง 16 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2024 เพราะปัญหาด้านสภาพอากาศที่เป็นมลพิษ ตั๋วผิวหนังจึงเป็นแคมเปญจูงใจในกลุ่มวัยรุ่นให้ใช้ขนส่งสาธารณะกันมากขึ้น 

หลังจากแคมเปญนี้ออกไป เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า นโยบายดังกล่าวเป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต้องการหาผลประโยชน์จากคนหนุ่มสาว และยังถูกพูดถึงอีกว่า “นี่เป็นการกระทำที่เป็นแบบอย่างหรือไม่? มันจะเป็นการกระตุ้นให้วัยรุ่นออกไปสักหรือเปล่า?” โดยทางทีม Klimaticket แสดงความคิดเห็นว่า “มันเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล”

อย่างไรก็ตาม มีผู้เข้าร่วมแล้วทั้งหมด 30 คน ซึ่ง เจค แลมเบิร์ต (Jake Lambert) ผู้อำนวยการ One Mobility ผู้ดำเนินการแคมเปญสัก Klimaticket ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ผลตอบรับในงานเทศกาลต่างๆ เป็นไปในเชิงบวก”

ที่มา: insider edition