แผนสร้างดาวเทียม THEOS-3 ตามมาติดๆ หลัง THEOS-2 สู่อวกาศ ต.ค.นี้

แผนสร้างดาวเทียม THEOS-3 ตามมาติดๆ หลัง THEOS-2 สู่อวกาศ ต.ค.นี้

GISTDA ระดมความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมวางแผนสร้าง ดาวเทียม THEOS-3 ขนาด 120 กิโลกรัม ต่อยอดประสบการณ์ความรู้จากการออกแบบดาวเทียม THEOS-2A ภายใต้โครงการ THEOS-2 ซึ่งมีกำหนดจะปล่อยสู่อวกาศในเดือนตุลาคม 2566

สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA  จัดงานสัมมนา “การสร้างความต่อเนื่องการพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจอวกาศจากดาวเทียม THEOS-3” พร้อมเปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ “ทิศทางของอุตสาหกรรมอวกาศประเทศไทย” และ “THEOS-3 กับการพัฒนาประเทศ”

วัตถุประสงค์หลักๆ คือต้องการรวบรวมหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ข้อมูลจากดาวเทียม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนทุนในการพัฒนาดาวเทียม

ก่อนหน้านี้ได้มีการระดมความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงถึงความต้องการด้านข้อมูลของดาวเทียม THEOS-3 ที่มีแผนจะเตรียมสร้าง ทำให้ได้ข้อสรุปที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันโดยมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลด้านการเกษตร เช่น ความชื้นในดิน คาร์บอนเครดิต ทรัพยากรธรรมชาติ น้ำ เป็นต้น

นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า ดาวเทียมสำรวจโลก THEOS-3 จะเป็นดาวเทียม Micro satellite ขนาดประมาณ 120 กิโลกรัม วงโคจรแบบ Sun-synchronous ซึ่งมีแผนจะนำขึ้นสู่อวกาศภายในปี 2569-2570

มีต้นแบบการออกแบบมาจากดาวเทียม THEOS-2A จากการสร้างบุคลากรภายใต้โครงการ THEOS-2 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 โดย GISTDA ได้ส่งทีมวิศวกรจำนวน 22 คน เข้ารับการเรียนรู้และฝึกอบรมด้วยการลงมือปฏิบัติงานจริงร่วมกับทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างดาวเทียมจากบริษัท Surrey Satellite Technology Ltd (SSTL)

เพื่อออกแบบ ประกอบและทดสอบดาวเทียม THEOS-2A เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ซึ่งจะเป็นกำลังหลักในการสร้างดาวเทียม THEOS-3 เป็นการให้ความสำคัญกับการสร้างเทคโนโลยีเองในประเทศ ลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ ศูนย์ประกอบและทดสอบดาวเทียมแห่งชาติที่อยู่ในพื้นที่อุทยานรังสรรค์และนวัตกรรมอวกาศ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านอวกาศที่สำคัญที่มีมาตรฐานระดับโลกในการประกอบและทดสอบดาวเทียมในครั้งนี้ด้วย

 

แผนสร้างดาวเทียม THEOS-3 ตามมาติดๆ หลัง THEOS-2 สู่อวกาศ ต.ค.นี้

แผนการสร้างดาวเทียม THEOS-3 ไม่ได้มีแค่ดาวเทียมเท่านั้น แต่ยังมีการต่อยอดในด้านการถ่ายทอดองค์ความรู้ หลักสูตรด้านการออกแบบและพัฒนาดาวเทียมและระบบภาคพื้นดินในรูปแบบออนไลน์ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมถึงพัฒนาหลักสูตรในระดับมหาวิทยาลัย

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากรพร้อมใช้รวมถึงส่งเสริมขีดความสามารถผู้ประกอบการไทยในการผลิตชิ้นส่วนดาวเทียมตามมาตรฐานสากล ซึ่งที่ผ่านมาทำได้จริงแล้วสามารถผลิตให้กับดาวเทียม THEOS-2A ได้ ด้วยความพร้อมดังกล่าว

GISTDA  จึงสร้างความต่อเนื่องในการเตรียมสร้างดาวเทียม THEOS-3 เพื่อใช้งานในประเทศ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการใช้งานจริงของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจอวกาศที่ใช้ชิ้นส่วนดาวเทียมจากผู้ประกอบการไทย และใช้วิศวกรไทยในการออกแบบ และพัฒนา

แผนสร้างดาวเทียม THEOS-3 ตามมาติดๆ หลัง THEOS-2 สู่อวกาศ ต.ค.นี้

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าขยายเครือข่ายผู้ประกอบการไทย และวิศวกรไทยด้านอวกาศให้มากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศและอุตสาหกรรมที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงที่กำลังเป็นที่น่าสนใจในขณะนี้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างประเทศ และพัฒนาศักยภาพด้านอวกาศของประเทศไทยให้ทัดเทียมนานาชาติต่อไป

ส่วนความคืบหน้าของดาวเทียม THEOS-2 อีกประมาณ 1 เดือนนับจากนี้ ดาวเทียม THEOS-2 ซึ่งเป็นดาวเทียมดวงหลัก จะขึ้นสู่อวกาศเพื่อปฏิบัติภารกิจสำรวจโลก

โดยดาวเทียม THEOS-2 สร้างและทดสอบระบบเสร็จเรียบร้อย ขณะนี้ถูกขนส่งจากบริษัท Airbus Defence and Space เมืองตูลูส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ถึงท่าอวกาศยานยุโรป เฟรนช์เกียนาในทวีปอเมริกาใต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ จะทำการตรวจสอบทุกขั้นตอนและประกอบดาวเทียมเข้ากับส่วนหัวของจรวด Rocket Fairing พร้อมขึ้นสู่อวกาศช่วงเดือนตุลาคม 2566

THEOS-2 เป็นดาวเทียมสำรวจโลกที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสานต่อภารกิจของไทยโชต หรือดาวเทียม THEOS-1 (ขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2551) ที่กำลังจะหมดอายุการใช้งาน รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเพื่อการพัฒนาประเทศ

แผนสร้างดาวเทียม THEOS-3 ตามมาติดๆ หลัง THEOS-2 สู่อวกาศ ต.ค.นี้

THEOS-2 มีน้ำหนัก 425 กิโลกรัม สามารถบันทึกภาพรายละเอียดสูง 50 เซนติเมตร เป็นดาวเทียมปฏิบัติการ เพื่อใช้งานติดตามสถานการณ์เชิงพื้นที่ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศใน 4 ส่วนหลัก ได้แก่

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีอวกาศ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศ และการพัฒนาบริการด้านเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ

รวมทั้ง ยกระดับการให้บริการด้านภูมิสารสนเทศ 6 ด้านที่สำคัญ ได้แก่ ด้านการจัดทำแผนที่ ด้านการจัดการเกษตรและอาหาร ด้านการจัดการน้ำแบบองค์รวม ด้านการจัดการภัยพิบัติ ด้านการจัดการเมืองและเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ รวมถึง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ.