เทคโนโลยีก้าวหน้ากับชะตากรรม | วรากรณ์ สามโกเศศ 

เทคโนโลยีก้าวหน้ากับชะตากรรม | วรากรณ์ สามโกเศศ 

เทคโนโลยีปัจจุบันในด้านต่างๆ ทำให้งานความมั่นคงโดยเฉพาะงานตำรวจง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการเก็บประวัติ การหาผู้กระทำผิด การติดตามจับกุม การหาหลักฐาน ฯลฯ แต่ความก้าวหน้านี้ดูแล้วน่ากลัวมากหากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ลองดูกันว่ามีอะไรบ้าง

งานประชุมระดับโลกในเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของตำรวจจัดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค.2566 ที่ดูไบ มีการแสดงให้เห็นความก้าวหน้าในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานความมั่นคงและการขายเทคโนโลยีล้ำหน้าที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้ด้วย

ตัวอย่างเช่น เทคโนโลยีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ที่สามารถบันทึกและอ่านแผ่นทะเบียนรถ รวมทั้งหน้าตาคนขับจากระยะไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตร 

เครือข่ายกล้องเหล่านี้ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งเมือง ที่ให้ภาพชัดคมมากมาปรากฏบนจอขนาดใหญ่ที่ติดตามดูภาพที่เกิดขึ้นจริงได้ตลอดเวลา การบันทึกวิดีโอก็กระทำได้ง่าย และย้อนกลับดูตามวันเวลาได้อย่างรวดเร็วและสะดวก พูดง่ายๆ ว่าอาชญากรรมที่เกิดขึ้นและผู้กระทำไม่สามารถหลุดรอดสายตาไปได้เลย

ปัจจุบัน เครือข่ายกล้องแบบนี้ก็มีอยู่แล้วในเมืองใหญ่ของโลกและเมืองท่องเที่ยว (พัทยาของเราปัจจุบันมีกล้องอยู่เป็นพันๆ กล้องครอบคลุมทั้งเมือง)

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าก็คือ การติดตามผู้ต้องสงสัยได้ไปตลอดเส้นทางอย่างต่อเนื่อง สะดวกและง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ความชัดคมของภาพ แม้แต่ภาพที่เบลอก็สามารถใช้ซอฟต์แวร์ทำให้เห็นชัดเจนขึ้นมาได้

ซอฟต์แวร์ตัวสำคัญคือ Facial Recognition ของจีนที่ล้ำหน้ากว่าเพื่อน สามารถระบุชื่อและที่อยู่ได้ทันที เมื่อนำภาพถ่ายหรือภาพเคลื่อนไหวของบุคคลมาจับคู่กับภาพที่เก็บสะสมไว้ในคลังภาพ จีนได้พัฒนาด้านนี้มาไกลมากจนสามารถใช้ภาพที่ไม่ชัดมากมาใช้งานได้

ในประเทศจีน ปัจจุบันมีระบบการให้แต้มแก่พลเมืองผ่านการใช้ซอฟต์แวร์ตัวนี้ ถ้าใคร “ทำไม่ดี” ก็จะถูกทางการหักแต้ม และหากแต้มต่ำกว่าระดับที่ระบุก็จะเสียสิทธิหลายอย่าง

เช่น การซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้า การสมัครงาน การเข้าโรงเรียนของลูก การมีสิทธิในบางเรื่อง ฯลฯ การกระทำที่เรียกว่า “ไม่ดี” ถูกกำหนดโดยรัฐบาล พลเมืองจะถูกหักแต้มโดยไม่บอก หากต้องการได้แต้มเพิ่มก็ต้องบริจาค หรือทำงานเพื่อสังคมในลักษณะต่างๆ 

 ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับความมั่นคงทั้งรัฐและเอกชนทั่วโลกสนใจซอฟต์แวร์ตัวนี้มาก เพราะใช้ประโยชน์ได้มากมายในการโน้มน้าวแกมบังคับให้ผู้คนกระทำในสิ่งที่ต้องการ

การใช้ Drones, AI และอุปกรณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีไอทีต่างๆ เพื่องานด้านความมั่นคงมีความก้าวหน้ามาก ในงานนี้ซอฟต์แวร์ของอิสราเอลในเรื่องการแฮ็กข้อมูลได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เช่นเดียวกับเทคโนโลยีของสหรัฐและจีนในเรื่องการติดตามเฝ้าดูพฤติกรรมของผู้คน

เช่น กล้องพิเศษที่สามารถระบุตัวตนของผู้ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษในหมู่ผู้ที่มาชุมนุมเป็นจำนวนมากได้อย่างแม่นยำ การส่งสัญญาณเตือนโดยซอฟต์แวร์เมื่อมีการปรากฏตัวของภาพผู้ต้องสงสัยจากเครือข่ายของกล้อง ฯลฯ

ความต้องการเทคโนโลยีและอุปกรณ์เหล่านี้ ภายใต้อำนาจซื้อมหาศาลเป็นตัวบงการให้เกิดความก้าวหน้าอย่างไม่เคยมีมาก่อน ประเทศในตะวันออกกลางเช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งประกอบด้วย 7 Emirates (Emirate of Abu Dhabi ใหญ่สุด และ Dubai เป็นเมืองใหญ่ของยูเออี) และอีกหลายประเทศที่มีการปกครองในระบอบคล้ายกันดูจะสนใจเป็นพิเศษ 

โดยมีวัตถุประสงค์ต้องการติดตาม ดูแล และกำกับพฤติกรรมของพลเมืองโดยรัฐบาลที่เอียงเผด็จการ และป้องกันการก่อการร้าย สื่อตะวันตกกล่าวถึงเงินจากน้ำมันอย่างมหาศาล ที่ถูกนำมาใช้เพื่อพยายามพัฒนากระบวนการนี้และป้องกันภัยก่อการร้ายอย่างมีประสิทธิภาพ

เป้าหมายของการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ก็คือ การรวบรวมข้อมูลขนาดยักษ์เกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ความคิดความอ่านในด้านการเมือง การเคลื่อนไหว การเดินทางติดต่อกับคนอื่นๆ ของพลเมือง

ซึ่งทั้งหมดต้องใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม อุปกรณ์เทคโนโลยีไอที (การผสมกันระหว่างเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กับโทรคมนาคม) ซึ่งสามประเทศหลักเป็นผู้คิดค้นอันได้แก่ จีน สหรัฐ และอิสราเอล

อุปกรณ์ใหม่ที่ฮือฮาได้แก่ การจับเท็จอย่างแม่นยำกว่าที่เคยมีมาโดยการอ่านคลื่นสมอง ไมโครโฟน และกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กมากที่สามารถแอบซ่อนได้ในถ้วยกาแฟพลาสติกและปากกา เครื่องบันทึกเสียงที่มีหน้าตาและขนาดเท่ากุญแจรถชนิดรีโมตคอนโทรล ซึ่งอุปกรณ์ลักษณะนี้สามารถแอบซ่อนในสารพัดสิ่งที่อยู่รอบตัวและใช้กันแพร่หลายทั่วโลก

ประเด็นที่น่ากังวลก็คือ ความเป็นส่วนตัวของมนุษย์กำลังหายไปอย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ว่าใครรู้ว่าข้อมูลส่วนตัวเหล่านี้จะถูกนำไปใช้เพื่อทำร้ายเจ้าของอย่างไร เมื่อใดและโดยใคร บางคนอาจมั่นใจว่าตนเองเป็นคนไม่มีความลับ และไม่ได้ทำอะไรชั่วร้ายหรือผิดกฎหมาย

ดังนั้น จึงไม่มีอะไรน่ากังวลกับประเด็นนี้ การมองโลกสวยแบบนี้อาจสะดุดลงได้ด้วยคำถามง่ายๆ ว่า ถ้าข้อมูลว่าคุณจะไม่อยู่บ้านวันใดเวลาใดหลุดออกไปผ่านการแอบอัดเสียงโทรศัพท์ หรือการติดตามดูคุณ และมีคนนำข้อมูลไปขายต่อ หรือนำมาใช้เสียเองด้วยการขึ้นบ้านขโมยของ โลกจะยังสวยอยู่หรือไม่

ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเรานั้นหาได้ไม่ยากนัก เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ เลขบัตรประจำตัวประชาชน และหมายเลขหลังบัตร (เวลาเราส่งไปรษณียภัณฑ์ ข้อมูลเหล่านี้มีคนอื่นเห็นพร้อมกันทั้งสิ้น) ถ้าหากเขาหาข้อมูลเลขบัญชีธนาคารของเราได้ก็เท่ากับเปิดหน้าให้เขาชกแล้ว

ถ้าเทคโนโลยีสมัยใหม่เหล่านี้สามารถหาพาสเวิร์ดของบัญชีได้ เราก็จะถูกน็อกแบบล่อนจ้อนทันทีเพราะเงินถูกถอนไปหมดบัญชี

อุปกรณ์ก้าวหน้าที่แสดงกันครั้งนี้ที่ดูไบน่าตื่นเต้น และน่าสยดสยองไปในเวลาเดียวกัน ถ้าใช้จินตนาการในเรื่องการควบคุมพลเมือง การทำลายคู่ต่อสู้ การล้ำสิทธิมนุษยชน การทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน ที่ล้วนทำให้เกิดความทนทุกข์ทรมานมากมายและความตายที่อาจตามมา หากใช้ไปในทิศทางที่ผิดทำนองคลองธรรม

คำถามคือจะทำอย่างไรกันดี ที่จะสร้างกรอบหรือแนวทางที่บีบบังคับให้มันถูกใช้ไปในทางที่เลวร้ายน้อยที่สุดสำหรับมนุษยชาติ