Android เลิกน้อยใจ ส่งไฟล์ข้ามค่ายแค่แตะก็ติด ด้วยชิป Snapdragon

จบปัญหาโลกแตกของชาวแอนดรอยด์ เมื่อ Qualcomm ดัน ‘Quick Share’ ลงลึกระดับชิป Snapdragon ท้าชน AirDrop รับส่งไฟล์ข้ามค่ายลื่นหัวแตก
KEY
POINTS
- Qualcomm เปิดตัวเทคโนโลยี "Snapdragon Seamless" ที่ฝังลงในชิปเซ็ต Snapdragon รุ่นใหม่ เพื่อแก้ปัญหาการส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์ของ Android ที่ไม่เสถียร
- เทคโนโลยีนี้ช่วยให้การส่งไฟล์ผ่าน Quick Share ระหว่างมือถือต่างยี่ห้อ หรือส่งไปยังคอมพิวเตอร์ Windows ทำได้รวดเร็ว ราบรื่น และประหยัดพลังงานมากขึ้น
- เป้าหมายคือการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ Android ให้ทัดเทียมกับ AirDrop ของ Apple และทลายกำแพง Ecosystem ระหว่างอุปกรณ์ต่างแบรนด์
ปัญหาโลกแตกของชาว Android ที่เจอกันจนชินชา คือการมองตาปริบๆ เวลาเห็นฝั่ง iOS ส่งรูปหรือวิดีโอผ่าน AirDrop หากันแบบปรู๊ดปร๊าดวินาทีเดียวเสร็จ หันมาดูชาวหุ่นเขียวที่แม้ช่วงหลัง Google จะพยายามแก้เกมด้วยการรีแบรนด์ Nearby Share มาเป็น Quick Share ร่วมกับ Samsung แล้วก็ตาม แต่ความเสถียรและความเร็วในบางจังหวะก็ยังรู้สึกว่า "เกือบดี" แต่ยังไม่ "ที่สุด" ยิ่งถ้าเป็นการข้ามค่ายจากมือถือแบรนด์หนึ่ง ไปยังพีซี Windows อีกแบรนด์หนึ่ง ยิ่งเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา ต้องมาคอยลุ้นว่าจะหาเครื่องเจอไหม หรือจะหลุดกลางทางหรือเปล่า ซึ่งเป็น Pain Point ที่ทำให้หลายคนยังไม่กล้าย้ายออกจากกำแพงสวนของ Apple อย่างเต็มตัว
ล่าสุดดูเหมือนฟ้าจะประทานทางรอดมาให้ชาวแอนดรอยด์ เมื่อ Qualcomm พี่ใหญ่แห่งวงการชิปเซ็ต ตัดสินใจลงมาเล่นเกมนี้ด้วยตัวเอง โดยการประกาศอัปเกรดความสามารถระดับฮาร์ดแวร์ให้รองรับฟีเจอร์ Quick Share แบบฝังลึกเข้าไปในตระกูลชิป Snapdragon รุ่นใหม่ๆ เป็นการรื้อระบบการเชื่อมต่อใหม่ให้ "คุยกันรู้เรื่อง" ตั้งแต่ระดับซิลิกอน วันนี้ KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปเจาะลึกว่า การขยับตัวครั้งนี้ของ Qualcomm จะเปลี่ยนชีวิตชาวไอทีให้คูลขึ้นได้อย่างไร และทำไมสิ่งนี้ถึงจะเป็น Game Changer ที่จะมาทลายกำแพง Ecosystem ที่ปิดกั้นไว้มานาน
Snapdragon Seamless กุญแจดอกสำคัญที่ไขทุกกำแพงอุปกรณ์
หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า "Snapdragon Seamless" ปกติแล้วแบรนด์มือถือแต่ละเจ้า ไม่ว่าจะ Xiaomi, OPPO, HONOR หรือ Samsung ต่างคนต่างก็มีการปรับแต่งซอฟต์แวร์ของตัวเอง ทำให้เวลาจะส่งไฟล์ข้ามค่าย หรือเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริม มักจะมีกำแพงบางๆ กั้นอยู่ แต่ Qualcomm มองเห็นปัญหาตรงนี้ จึงจับมือกับ Google พัฒนาให้ชิปเซ็ต Snapdragon รุ่นใหม่ รวมถึงรุ่นท็อปอย่าง Snapdragon 8 Elite และชิปฝั่งพีซีอย่าง Snapdragon X Series รองรับโปรโตคอล Quick Share และเทคโนโลยี Discovery แบบ Native มาจากโรงงาน
ผลลัพธ์ที่ได้จากการฝังเทคโนโลยีลงไปในฮาร์ดแวร์คือ ชิปเซ็ตจะเป็นตัวจัดการเรื่องการค้นหาอุปกรณ์รอบข้างให้เอง โดยไม่ต้องรอ OS สั่งการแบบเดิม ทำให้การค้นหาเจออุปกรณ์เพื่อนบ้านรวดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความหน่วง (Latency) ต่ำลง และที่สำคัญคือประหยัดพลังงานกว่าเดิมมาก การส่งไฟล์ระดับ 4K หรือโฟลเดอร์งานใหญ่ๆ ข้ามจากมือถือ Xiaomi ไปยังแท็บเล็ต Samsung หรือโน้ตบุ๊ก Windows จะลื่นไหลเหมือนใช้แบรนด์เดียวกัน ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าเชื่อมต่อติดไหม เรียกว่าเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ทัดเทียมกับฝั่ง Apple ที่เขาภูมิใจหนักหนาได้เสียที
Windows ก็เอาด้วย!
ความเจ๋งมันไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่มือถือ เพราะ Qualcomm กำลังรุกตลาดพีซีอย่างหนักด้วยชิป Snapdragon X Elite ที่รันบน Windows on Arm สิ่งที่พวกเขาทำคือการนำฟีเจอร์นี้ไปใส่ในโน้ตบุ๊กด้วย สมมติว่าถ่ายวิดีโอจากมือถือ Android เสร็จปุ๊บ หันไปที่โน้ตบุ๊ก Windows แล้วหน้าต่าง Pop-up เด้งขึ้นมาถามว่ารับไฟล์ไหม กดรับปุ๊บไฟล์เด้งเข้าเครื่องปั๊บ หรือแม้แต่การใช้เมาส์และคีย์บอร์ดชุดเดียว ลากเคอร์เซอร์ทะลุจากหน้าจอคอมไปโผล่บนหน้าจอมือถือเพื่อลากไฟล์ข้ามไปมา (Drag and Drop) ก็ทำได้แบบไร้รอยต่อ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์อย่างแท้จริง
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ เมื่อก่อนเราต้องพึ่งพาแอป 3rd Party หรือใช้ Cloud ในการโอนย้ายข้อมูลซึ่งช้าและเปลืองอินเทอร์เน็ต แต่ด้วยการจับมือกันระหว่างฮาร์ดแวร์อย่าง Qualcomm และซอฟต์แวร์จาก Google และ Microsoft จะทำให้กำแพงระหว่าง Android และ Windows พังทลายลง ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องถูกผูกขาดอยู่กับแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง หรือ Walled Garden อีกต่อไป เลือกใช้มือถือกล้องเทพจากค่าย A คู่กับโน้ตบุ๊กบางเบาจากค่าย B แต่ทำงานร่วมกันได้เหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน
อนาคตของการเชื่อมต่อที่ ‘แค่แตะก็ติด’
ความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง, สมาร์ตวอตช์ หรือแว่น AR/VR ภายใต้เทคโนโลยี Snapdragon Sound และแพลตฟอร์ม XR ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นการสลับหูฟังจากมือถือไปรับเสียงจากคอมพิวเตอร์แบบอัตโนมัติทันทีที่มีสายเข้า หรือการแชร์หน้าจอจากมือถือขึ้นไปบนแว่นตาอัจฉริยะด้วยความหน่วงที่ต่ำสุดๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะชิปเซ็ตมัน "คุยกันเอง" ได้โดยตรง การที่ Qualcomm กระโดดลงมาเล่นเรื่อง Quick Share และ Seamless Connectivity อย่างเต็มตัว คือสัญญาณบอกว่ายุคที่ Android เป็นลูกเมียน้อยเรื่องการส่งไฟล์กำลังจะจบลง ความสะดวกสบาย ความเร็ว และความเท่ในการส่งไฟล์แบบ "วิ้งเดียวถึง" จะไม่ได้เป็นเอกสิทธิ์ของสาวกผลไม้อีกต่อไป เตรียมตัวบอกลาสาย Data และการส่งไฟล์ผ่านแชทไปได้เลย เพราะยุคแห่งความไร้รอยต่อที่แท้จริงของชาว Android มาถึงแล้ว







