‘ไปรษณีย์ไทย’ เร่งทรานส์ฟอร์มองค์กร เปิดเกม ‘ซูเปอร์แอป’ ยกระดับบริการสร้างโมเดลรายได้ใหม่

‘ไปรษณีย์ไทย’ เร่งทรานส์ฟอร์มองค์กร เปิดเกม ‘ซูเปอร์แอป’ ยกระดับบริการสร้างโมเดลรายได้ใหม่

ไปรษณีย์ไทยเตรียมเปิดตัว ‘ซูเปอร์แอป’ ใช้งบพัฒนา 40 ล้านบาท ตั้งเป้าผู้ใช้งาน 5 ล้านราย พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลด ก.พ. 2569 รวมบริการสำคัญทั้งหมดไว้ในแพลตฟอร์มเดียว เดินหน้าต่อยอดบทบาทองค์กรยุคดิจิทัล หลังโชว์รายได้ 9 เดือนทะลุ 16,860 ล้านบาท โต 7% จากปีก่อนหน้า

KEY

POINTS

  • ไปรษณีย์ไทยเร่งปรับโฉมองค์กรสู่การเป็น Tech Post ผ่านกลยุทธ์ Sustainnovation เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
  • เตรียมพัฒนา Super App ที่จะรวบรวมบริการด้านขนส่ง การเงิน และอีคอมเมิร์ซไว้ในแอปพลิเคชันเดียว
  • นำเทคโนโลยี AI มาใช้ยกระดับการดำเนินงาน เช่น วางแผนเส้นทางขนส่ง และบริหารจัดการสต็อกสินค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
  • สร้างโมเดลรายได้ใหม่จากการขยายบริการข้ามแดน เช่น บริการส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon FBA และบริการที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รายงานผลประกอบการ 9 เดือนปี 2568 (ม.ค.–ก.ย.) ทำรายได้รวม 16,860.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ยังเป็นแกนหลักของรายได้ คิดเป็น 47.39% จากรายได้รวมทั้งหมด สะท้อนแรงส่งของโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งที่ครอบคลุมทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ

ขณะที่องค์กรเดินหน้ายกระดับบุคลากร ระบบงาน และคุณภาพการนำจ่าย พร้อมใช้แนวคิด Sustainnovation (นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน) วางรากฐานการเติบโตในยุคเศรษฐกิจใหม่อย่างยั่งยืน

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยว่า รายได้รวมกว่า 16,860.73 ล้านบาทในรอบ 9 เดือนปีนี้ แสดงถึงการเติบโตในหลายมิติ โดยธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ทำรายได้กว่า 7,990.28 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 47.39% ของรายได้รวม และขยายตัว 8.42% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากแรงหนุนของเศรษฐกิจหลายเซ็กเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ แฟชั่น หรือสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์

ตลอดปี 2568 ไปรษณีย์ไทยเริ่มเห็นผลจากการเสริมแกร่งระบบขนส่ง เครือข่าย เทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริการหลายประเภทเติบโต โดยเฉพาะงานขนส่งระหว่างประเทศที่ปรับคุณภาพบริการดีขึ้นอย่างชัดเจน ขณะที่การให้บริการเพื่อสังคม (PSO) ช่วง ม.ค.–ก.ย. อยู่ที่ 466.93 ล้านบาท และผลสำรวจความเชื่อมั่นแบรนด์ปี 2568 ปรับเพิ่มเป็น 97.92%

“ความเชื่อมั่นที่ขยับจาก 91.87% ในปี 2567 มาเป็น 97.92% ในปีนี้ และคะแนนความไว้วางใจที่ปรับจาก 96.11% ขึ้นสู่ 98.26% สะท้อนว่าผู้ใช้บริการเห็นความเปลี่ยนแปลงด้านความเร็ว ความแม่นยำ และคุณภาพงานนำจ่ายอย่างเป็นรูปธรรม การลงทุนด้านระบบและบุคลากรเริ่มสร้างผลเชิงบวกชัดเจน แม้ปีนี้ต้องเผชิญความท้าทายจากปัจจัยภายนอก ทั้งผลกระทบภาษีทรัมป์และกำลังซื้อในประเทศที่ชะลอลง แต่การขับเคลื่อนแบรนด์ไปสู่ไลฟ์สไตล์แบรนด์ทำให้เส้นทางการเติบโตขององค์กรมั่นคงยิ่งขึ้น” ดร.ดนันท์กล่าว

บริการใหม่ของไปรษณีย์ไทยยังเติบโตโดดเด่น โดย “Travel Lite” บริการขนส่งสัมภาระเติบโตถึง 551% เมื่อเทียบกับปี 2567 สะท้อนศักยภาพเครือข่ายและบทบาทสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ขณะที่บริการค้าปลีก–การเงินเติบโต 14.33% จากการขยายฐานลูกค้าและการเชื่อมโยงบริการออฟไลน์–ออนไลน์อย่างคล่องตัว ทั้งระบบ e-Payment, COD และการเชื่อมต่อแพลตฟอร์มชำระเงินระดับสากล ทำให้ไปรษณีย์ไทยยังเป็นกลไกสำคัญด้านการเข้าถึงบริการทางการเงินของประชาชน

ด้านธุรกิจต่างประเทศยังคงเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ โดยปริมาณงานในปี 2567–2568 เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ EMS ยังคงเป็นบริการหลัก มีสัดส่วนรายได้สูงสุด 33.99% ของรายได้ส่งต่างประเทศทั้งหมด ตอบโจทย์ความต้องการส่งสินค้าข้ามแดนในช่วงที่ภาคส่งออกยังผันผวน

สำหรับปี 2569 ไปรษณีย์ไทยเตรียมยกระดับเครือข่ายขนส่งข้ามแดนสู่มาตรฐานสากล และเดินหน้าขยายพันธมิตรทั่วโลก เพื่อสนับสนุน SME และผู้ประกอบการออนไลน์เข้าตลาดใหม่ โดยเปิดบริการส่งสินค้าเข้าคลัง Amazon FBA จากไทยสู่สหรัฐฯ แบบครบวงจร

ตั้งแต่รับสินค้า พิธีศุลกากร ไปจนถึงการนำส่งถึงคลัง Amazon พร้อมเชื่อมเครือข่ายกว่า 205 ปลายทางในการกระจายสินค้าการเกษตร ผลิตภัณฑ์ชุมชน และสินค้านวัตกรรม นอกจากนี้ยังให้บริการแบบ End-to-End ครอบคลุมคำปรึกษา เอกสารศุลกากร การแพ็กกิ้งมาตรฐาน และบริการขนส่ง เช่น EMS World และ ePacket

ปลายปี 2568 ต่อเนื่องสู่ปี 2569 ไปรษณีย์ไทยจะเดินหน้ากลยุทธ์ “Sustainnovation” เพื่อพาองค์กรก้าวเป็น Tech Post ผ่านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบปฏิบัติการ และบริการใหม่ โดยประกอบด้วย 4 โซลูชันหลัก ได้แก่

• AI-Driven Operation นำ AI มาวางแผนเส้นทาง ลดเวลาและลดพลังงาน เพิ่มความแม่นยำ รวมถึงระบบ AI วิเคราะห์สต็อก ระบบ Chatbot ตลอด 24 ชั่วโมง และการพัฒนา Super App รวมบริการขนส่ง–การเงิน–อีคอมเมิร์ซในหนึ่งเดียว

• ระบบ D/ID เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยด้านข้อมูล รองรับการรับ–ส่งพัสดุ เชื่อมโยงภาครัฐ เอกชน และอีคอมเมิร์ซอย่างไร้รอยต่อ พร้อมเพิ่มศักยภาพการรองรับงานโดยไม่เพิ่มต้นทุน

• Prompt Post รุ่นใหม่ พร้อมฟีเจอร์ Digital Postbox, Passport Tracking, Prompt Pass และ Prompt Vote รองรับธุรกรรมออนไลน์และบริการภาครัฐด้วยระบบติดตามที่ปลอดภัยกว่าเดิม

• Postman Cloud เสริมกำลังบุคลากรในพื้นที่ รวมถึงดึงบุคลากรวัยเกษียณที่มีความคุ้นเคยกับชุมชนเข้ามาร่วมช่วยงาน เพื่อเก็บข้อมูล วิเคราะห์ความต้องการ และยกระดับคุณภาพข้อมูลด้วยระบบ IT–AI ให้เกิดประโยชน์ในเชิงลึกมากขึ้น

ทั้งหมดนี้ตอกย้ำบทบาทของไปรษณีย์ไทยในฐานะโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศในยุคดิจิทัล มุ่งหน้าไปสู่โมเดล Tech Post อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ตลาดโลกในยุคใหม่อย่างมั่นคงและยั่งยืน