ครม.มีมติสั่งหน่วยงานรัฐ ‘หยุดส่งลิงก์ทุกช่องทาง’ ปิดช่องสแกมเมอร์

ที่ประชุม ครม.ไฟเขียว ตามที่กระทรวงดีอี เสนอรับทราบนโยบาย ‘หยุดส่งลิงก์’ หน่วยงานรัฐยกเลิก SMS และอีเมลแนบลิงก์ ปิดช่องสแกมเมอร์ หลังกระทบประชาชนวงกว้าง
KEY
POINTS
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติสั่งให้หน่วยงานราชการ และองค์กรภาครัฐทุกแห่ง "หยุดส่ง SMS และอีเมลที่มีการแนบลิงก์" ไปยังประชาชนทุกกรณี
- วัตถุประสงค์หลักของมาตรการนี้คือ เพื่อป้องกันความสับสน และปิดช่องทางที่มิจฉาชีพใช้แอบอ้างเป็นหน่วยงานรัฐเพื่อหลอกลวงประชาชน
- คำสั่งนี้สร้างความชัดเจนว่าหากประชาชนได้รับข้อความพร้อมลิงก์ที่อ้างว่ามาจากหน่วยงานรัฐ ให้สันนิษฐานได้ทันทีว่าเป็นของปลอมจากสแกมเมอร์
- การยกระดับมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากมาตรการเดิมที่บังคับใช้กับภาคเอกชน เช่น ธนาคาร และผู้ให้บริการโทรคมนาคม ยังไม่สามารถสกัดกั้น SMS หลอกลวงได้ทั้งหมด
- มติดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของวาระแห่งชาติในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามข้อเสนอของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติ “รับทราบ” รายงานความคืบหน้าการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญหา SMS แนบลิงก์หลอกลวง ตามที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) นำเสนอ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเด็นเร่งด่วน หลังพบว่ามิจฉาชีพยังคงใช้ช่องทางดังกล่าวโจมตีประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้รัฐ และเอกชนได้เพิ่มมาตรการคัดกรองแล้วก็ตาม
โดยก่อนหน้านี้ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ให้การป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็น “วาระแห่งชาติ” เหตุจากภัยออนไลน์รูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นกลโกงดิจิทัล การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างรุนแรง โดยมีมูลค่าความเสียหายรวมทั้งประเทศเพิ่มต่อเนื่องทุกปี
ต่อมาในการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงดีอี กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานกำกับดูแลสำคัญ รวมถึงหน่วยงานด้านการเงิน และโทรคมนาคม เร่งบูรณาการความร่วมมือ ทั้งเชิงป้องกัน ปราบปราม และสร้างการตระหนักรู้ เพื่อให้ประชาชนเท่าทันภัยหลอกลวง และให้วาระด้านอาชญากรรมไซเบอร์เดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด
แม้รัฐจะเดินหน้าหลายมาตรการ แต่สถานการณ์อาชญากรรมออนไลน์ยังคงทวีความรุนแรง ประชาชนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ ขณะที่วิธีการหลอกลวงซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะการส่ง SMS และอีเมลแนบลิงก์แฝงมัลแวร์หรือพาไปยังเว็บไซต์ปลอม ทำให้หลายรายสูญเงินในบัญชีแบบไม่รู้ตัว ส่งผลให้รัฐบาลต้องยกระดับมาตรการเชิงรุกเพื่อปิดช่องโหว่ต้นทาง
กระทรวงดีอี รายงานว่า ได้จัดประชุมคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหลายครั้งต่อเนื่อง ได้แก่ ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม และครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน โดยมีนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เป็นประธาน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงาน กสทช. สมาคมธนาคารไทย สำนักงาน ปปง. กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงาน ก.ล.ต. และสมาคมโทรคมนาคมฯ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนมาตรการเชิงระบบ
นอกจากนี้ หลังมีผลบังคับใช้พระราชกำหนดมาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ทำให้การขับเคลื่อนมาตรการต่างๆ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะการจำกัดช่องทางที่มิจฉาชีพใช้เข้าถึงประชาชน
ในการเร่งปิดช่องทางหลอกลวงผ่าน SMS แนบลิงก์ มีมาตรการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1.กสทช. ออกมาตรการคุมเข้มบริการ SMS A2P
ประกาศเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2568 โดยกำหนดให้ผู้ส่งข้อความแบบ Application-to-Person (A2P) ต้องลงทะเบียนชื่อผู้ส่ง (Sender Name) ทุกครั้ง และหากมีลิงก์แนบ ผู้ให้บริการต้องตรวจสอบความถูกต้องก่อนถึงมือผู้รับ เพื่อป้องกันข้อความปลอมเลียนแบบหน่วยงานรัฐหรือธนาคาร
2.ธปท. สั่งห้ามสถาบันการเงินส่ง SMS แนบลิงก์ทุกกรณี
ประกาศเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 โดยสถาบันการเงินต้องไม่ส่ง SMS ที่มีลิงก์ รวมถึงต้องเฝ้าระวังไม่ให้ช่องทางอื่น เช่น อีเมลหรือโซเชียลมีเดีย ถูกใช้เป็นช่องทางปลอมตัวเพื่อหลอกลูกค้า เป็นการยกระดับความปลอดภัยด้านการเงินดิจิทัลอย่างเข้มงวด
3. การคัดกรอง SMS โดยผู้ให้บริการโทรคมนาคม
ภายใต้กรอบของคณะกรรมการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กำหนดให้ผู้ให้บริการตรวจสอบ SMS ต้องสงสัยทุกข้อความเพื่อลดโอกาสที่ข้อความเป็นภัยจะส่งถึงประชาชน
อย่างไรก็ดี แม้เอกชนดำเนินการคัดกรองแล้ว แต่ยังพบ SMS หลอกลวงทะลุระบบจำนวนมาก สะท้อนว่าวิธีเดิมยังไม่พอ จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องยกระดับมาตรการควบคุมช่องทาง “ต้นน้ำ” อย่างจริงจัง
กระทรวงดีอีจึงเสนอให้ หน่วยงานราชการ และองค์กรภาครัฐทุกแห่ง “ยกเลิกการส่ง SMS และอีเมลที่มีลิงก์แนบ” ให้ประชาชนทั้งหมด เพื่อป้องกันประชาชนเข้าใจผิด และเพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างชัดเจนว่า “หน่วยงานรัฐจะไม่ส่งลิงก์ใดๆ ผ่าน SMS หรืออีเมลอีกต่อไป” หากพบข้อความในลักษณะดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นการแอบอ้างของมิจฉาชีพทันที
นายไชยชนก ย้ำว่า มาตรการนี้จะช่วยให้ประชาชนระแวดระวังมากขึ้น รู้เท่าทัน ไม่กดลิงก์ และแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ถูกแอบอ้างรวมถึงตำรวจให้ดำเนินการสืบสวนหาที่มาของ SMS หรืออีเมลปลอม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ปิดช่องสแกมเมอร์ให้ได้มากที่สุด ลดความเสียหาย และยกระดับความปลอดภัยออนไลน์ในภาพรวมของประเทศ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







