ดีอีจ่อคลายล็อคกฎหมายแพลตฟอร์มขนส่ง ดึง'ไรเดอร์-ไดรเวอร์' 2 แสนรายเข้าระบบ

“ไชยชนก” ชง 5 มาตรการเดินหน้าปลดล็อก รย.17–18 คลี่คลายผลกระทบไรเดอร์–ไดรเวอร์กว่า 2 แสนราย เปิดทางเข้าระบบ พร้อมวงเงินสนับสนุนสูงสุด 2 หมื่นบาทต่อคน
KEY
POINTS
- กระทรวงดีอีอำนวยความสะดวกให้ไรเดอร์-ไดรเวอร์ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของ ETDA เพื่อรับ QR Code ใช้แสดงตนระหว่างรอจดทะเบียนรถและทำใบขับขี่สาธารณะให้ถูกต้อง
- ผ่อนปรนกฎเกณฑ์ด้านการเงินและประกันภัย โดยให้ใช้สำเนาทะเบียนรถแทนเล่มจริงสำหรับรถติดไฟแนนซ์ และอนุญาตให้ใช้ประกันภัยชั้น 3 (ภาคสมัครใจ) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
- ปลดล็อกข้อจำกัดด้านเอกสาร โดยผ่อนปรนเรื่องภูมิลำเนา และเตรียมทบทวนเกณฑ์ขนาดเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์สาธารณะที่กำหนดไว้ 125 ซีซี
- เตรียมแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดทางให้ "รถเช่า" สามารถนำมาให้บริการรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคมเห็นชอบในหลักการแล้ว
- แพลตฟอร์มหลักอย่าง Grab และ LINE MAN จะมอบเงินช่วยเหลือผู้ขับขี่รายละ 5,000 - 20,000 บาท เพื่อเยียวยาผลกระทบในช่วงเปลี่ยนผ่าน
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงความคืบหน้ามาตรการบรรเทาผลกระทบจากประกาศเกี่ยวกับรถรับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (รย.17–18) โดยมีการหารือร่วมกับ ไลน์แมน แกร็บ และ ฟินโกโก ซึ่งที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวสร้างความกังวลต่อผู้ขับขี่กว่า 200,000 ราย โดยกระทรวงดีอีร่วมกับกระทรวงคมนาคม สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) สถาบันการเงิน และผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ได้เร่งประสานเพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขในช่วงเปลี่ยนผ่าน ตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 2568 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2569
ทั้งนี้ เบื้องต้นได้มีผลสรุป 5 มาตรการหลักเพื่อช่วยเหลือไรเดอร์–ไดรเวอร์ทั่วประเทศ ได้แก่
1. อำนวยความสะดวกการลงทะเบียนผ่านแอปฯ ETDA โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนผู้ขับขี่เพื่อยื่นจดทะเบียนรถสาธารณะผ่านเว็บไซต์https://driververify.mdes.go.th ด้วยการล็อกอินผ่าน Thai ID จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2569
จากนั้น เมื่อแพลตฟอร์มยืนยันข้อมูล ผู้ขับขี่จะได้รับ “ใบรับแจ้งลงทะเบียน” (QR Code) ใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ระหว่างรอดำเนินการ โดยต้องทำการจดทะเบียนรถสาธารณะและใบขับขี่สาธารณะให้แล้วเสร็จตามกำหนด
2. แก้ปัญหาไฟแนนซ์–ลีซซิ่ง–ประกันภัยลดภาระค่าใช้จ่าย โดยทาง ขบ. ผ่อนปรนให้ใช้สำเนาคู่มือจดทะเบียนแทนเล่มจริงในกรณีรถติดไฟแนนซ์ ซึ่งขอความร่วมมือผู้ให้บริการลีซซิ่งลดค่าธรรมเนียมเปลี่ยนสัญญา
โดยทีเอ็มบีธนชาต (ttb) ขานรับเป็นรายแรก ลดจาก 1% เหลือ 0.25% ต่อปีผ่อนปรนให้ใช้ประกันภัยชั้น 3 (ภาคสมัครใจ) แทนประกันสาธารณะชั้น 1 เพื่อช่วยลดต้นทุน ซึ่ง ttb ให้การตอบรับเช่นกัน
3. ปลดล็อกข้อจำกัดด้านเอกสารและขนาดเครื่องยนต์ โดยจะลดข้อจำกัดเรื่องภูมิลำเนา โดยอนุญาตใช้บัตรนักเรียน–นักศึกษา หรือเอกสารยืนยันการทำงานในพื้นที่ กทม. แทนการหาผู้รับรอง
อีกทั้ง ยังเตรียมทบทวนเกณฑ์ขนาดเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่กำหนดไว้ 125 ซีซี โดยหารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสภาผู้บริโภค คาดได้ข้อสรุปเบื้องต้นภายใน 1 เดือน
4. แก้กฎหมายเปิดทางให้ “รถเช่า” ให้บริการผ่านแอปฯ ได้อย่างไรก็ดี กระทรวงดีอีหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม ซึ่งเห็นชอบในหลักการแก้ไขกฎกระทรวงแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนดำเนินงานของกรมการขนส่งทางบก
5. มาตรการสนับสนุนเงินช่วยเหลือช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งนี้ ดีอีประสานแพลตฟอร์มให้พิจารณามาตรการเยียวยา โดยแกร็บ และไลน์แมน ยืนยันเข้าร่วม พร้อมให้เงินช่วยเหลือตั้งแต่ 5,000 – 20,000 บาทต่อผู้ขับขี่หนึ่งราย
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงดีอีได้หารือกับกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อเปิดทางให้รถเช่าสามารถให้บริการสาธารณะผ่านแอปฯ ได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคมเห็นชอบในหลักการแล้ว และอยู่ในขั้นตอนดำเนินการของกรมการขนส่งทางบก
นายไชยชนกกล่าวว่า กลุ่มไรเดอร์และไดรเวอร์เป็น “แรงขับเคลื่อนสำคัญ” ของเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐจึงต้องเร่งคลี่คลายปัญหาให้เกิดความเป็นธรรมและนำผู้ประกอบอาชีพเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือจนสามารถกำหนดมาตรการที่ชัดเจนได้ในเวลาอันสั้น เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ปลอดภัย โปร่งใส และสอดคล้องกับกฎหมายต่อไป







