วุ่นหนัก! สรรหาผอ.ดีป้า ส่อขัดขั้นตอน วงการเทคฯ จับตาอาจมี "ใบสั่ง" ขอชะลอ

วุ่นหนัก! สรรหาผอ.ดีป้า ส่อขัดขั้นตอน วงการเทคฯ จับตาอาจมี "ใบสั่ง" ขอชะลอ

“กระทรวงดีอี“สั่งคณะกรรมการดีป้าทบทวนมติสรรหาผู้อำนวยการใหญ่ เหตุอาจไม่เป็นไปตามกฎหมาย ขณะวงการเทคโนโลยีตั้งคำถามถึงความโปร่งใส หลังดีป้าอ้างกระบวนการชอบด้วยกฎหมายและได้รับไฟเขียวจาก ก.พ.ร. ให้เร่งรัดดำเนินการ

KEY

POINTS

  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีมีคำสั่งให้คณะกรรมการดีป้าทบทวนมติและกระบวนการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ โดยอ้างว่าบางขั้นตอนอาจไม่สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ
  • ดีป้ายืนยันว่ากระบวนการเป็นไปตามกฎหมายเฉพาะขององค์กร ซึ่งได้รับการยืนยันจากคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) แล้ว และกำลังทำหนังสือชี้แจงกลับไปยังกระทรวงดีอี
  • วงการเทคโนโลยีเกิดข้อกังขาว่าความพยายามชะลอการสรรหาอาจเป็นการแทรกแซงทางการเมือง หรือมี "ใบสั่ง" เพื่อผลักดันบุคคลบางกลุ่มเข้ารับตำแหน่งโดยไม่ผ่านกระบวนการแข่งขันปกติ
  • การแทรกแซงดังกล่าวถูกมองว่าอาจส่งผลกระทบต่อความโปร่งใสและความเชื่อมั่นในองค์กร หากผู้ที่ได้รับแต่งตั้งขาดประสบการณ์และผลงานที่เหมาะสมกับตำแหน่ง

น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และโฆษกกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า จากกรณีที่คณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) จัดให้มีการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ได้มีคำสั่งให้คณะกรรมการฯ ทบทวนมติที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวก่อนดำเนินการต่อ

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า ขั้นตอนบางส่วนของการสรรหาอาจไม่สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ จึงสั่งให้ประธานกรรมการกำกับดีป้าทบทวนและดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ รวมถึงมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การสรรหาเป็นไปอย่างรอบคอบและชอบด้วยกฎหมาย

แหล่งข่าวในกระทรวงดีอีเปิดเผยว่า ตามกฎหมาย การสรรหาผู้อำนวยการใหญ่ดีป้าจะเริ่มได้เมื่อรัฐมนตรีเห็นชอบ ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีดีอี ได้ให้ความเห็นชอบไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 ทำให้ดีป้าสามารถตั้งคณะกรรมการสรรหาและเดินหน้ากระบวนการได้ทันที ดังนั้น การชะลอหรือยกเลิกการสรรหาควรทำได้เฉพาะกรณีมีเหตุอันควร เช่น ผู้สมัครมีจำนวนน้อย คุณสมบัติไม่ครบ หรือไม่มีผู้สมัคร ซึ่งกรณีนี้ไม่เข้าเงื่อนไขใดเลย

มีรายงานว่า แนวทางที่กระทรวงดีอีเสนอให้เปลี่ยนรูปแบบการสรรหา อาจสะท้อนความพยายามควบคุมกระบวนการแบบ “ท็อปดาวน์” โดยโยนภาระให้คณะกรรมการกำกับชุดใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในเดือนมกราคม 2569 ทั้งที่กฎหมายเฉพาะของดีป้าไม่ได้บัญญัติให้ต้องรอ ทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในหลักการ และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในองค์กรหากผู้ได้รับแต่งตั้งไม่มีประสบการณ์หรือผลงานเหมาะสมกับตำแหน่งระดับชาติ

อย่างไรก็ตาม ดีป้าได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และได้รับคำตอบชัดเจนว่า กระบวนการสรรหาของดีป้าเป็นไปตามกฎหมายเฉพาะขององค์กร ไม่ขัดต่อระเบียบขององค์การมหาชน อีกทั้งยังได้รับการกำชับให้เร่งรัดขั้นตอนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ขณะนี้ดีป้าอยู่ระหว่างทำหนังสือตอบกลับไปยังกระทรวงดีอีเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงทุกประเด็น

กระบวนการสรรหาจะเดินหน้าตามกฎหมายเฉพาะ เพื่อคงมาตรฐานองค์กรและความเชื่อมั่นในวงการเทคโนโลยี ผู้สมัครต้องมีผลงานและประสบการณ์จริงด้านดิจิทัล รวมถึงผ่านการแสดงวิสัยทัศน์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนร่วมตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ความเคลื่อนไหวของกระทรวงดีอีที่พยายามชะลอหรือปรับกระบวนการ แม้ดีป้าจะดำเนินการตามกรอบกฎหมายเฉพาะ ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการเทคโนโลยี มีเสียงวิพากษ์ว่าการแทรกแซงดังกล่าวอาจมีเป้าหมายผลักดัน “คนบางกลุ่ม” เข้ามานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการใหญ่โดยไม่ผ่านการแข่งขันตามขั้นตอนปกติ แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า สัญญาณเช่นนี้กระทบต่อความโปร่งใสและภาพลักษณ์ของกระบวนการสรรหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวในกระทรวงดีอี ระบุว่า การสรรหาผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า ตามกฎหมายจะเริ่มได้ต่อเมื่อรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ซึ่งนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีดีอีได้เห็นชอบตั้งแต่เดือน ส.ค.68 ทำให้ดีป้าสามารถตั้งคณะกรรมการสรรหาและเดินหน้ากระบวนการได้ทันที โดยตามกรอบเวลาการสรรหาจะต้องแล้วเสร็จภายใน 150 วัน นับจากวันที่กรรมการสรรหาเริ่มทำงาน

ดังนั้น การชะลอการสรรหาควรเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรตามกฎหมาย เช่น จำนวนผู้สมัครไม่เพียงพอ คุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือประกาศแล้วไม่มีผู้สมัคร ซึ่งกรณีนี้ไม่เข้าเงื่อนไขแม้แต่ข้อเดียว อีกทั้งการหยุดกระบวนการในช่วงที่เหลือเวลาไม่มากก่อนครบกรอบ 150 วัน ยังเสี่ยงให้กระบวนการทั้งหมดสะดุด โดยไม่มีเหตุผลตามกฎหมายรองรับ