'Agentic AI' จากความท้าทายด้าน ROI สู่ 'Blueprint' แห่งความสำเร็จองค์กรยุค AI

Agentic AI จะเป็นข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ที่สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจในระยะยาว ไม่ใช่แค่เพียงเครื่องมือใหม่ขององค์กร แต่คือ “วิวัฒนาการเชิงโครงสร้าง” ที่เปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการตัดสินใจทางธุรกิจ
ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ได้แค่ช่วยทำงาน แต่เริ่ม “คิด วิเคราะห์ และตัดสินใจ” ได้ด้วยตนเอง Agentic AI กำลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลยุทธ์องค์กรทั่วโลก จากระบบที่ทำตามคำสั่ง สู่ AI ที่สามารถวางแผน ประมวลผล และลงมือปฏิบัติได้อย่างอิสระ
แม้เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้องค์กรยกระดับประสิทธิภาพ เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ และขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลได้จริง แต่ความท้าทายสำคัญยังคงอยู่ที่ การสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ชัดเจนและยั่งยืน
รายงานจากการ์ทเนอร์ระบุว่า ภายในปี 2570 โครงการ Agentic AI มากกว่า 40% อาจถูกยกเลิก เนื่องจากความซับซ้อนทางเทคนิคและการขาดกรอบกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการสร้างคุณค่าทางธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของ Agentic AI ยังคงมหาศาล หากองค์กรสามารถวาง Blueprint ที่ถูกต้อง เพื่อเปลี่ยนเทคโนโลยีให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างคุณค่าทางธุรกิจและความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ได้อย่างแท้จริง
รู้จัก Agentic AI:
เมื่อระบบอัตโนมัติเริ่มคิดและตัดสินใจได้เอง Agentic AI คือระบบอัจฉริยะที่สามารถ “รับรู้ วิเคราะห์ ตัดสินใจ และลงมือทำ” เพื่อบรรลุเป้าหมายได้ด้วยตนเอง โดยแทบไม่ต้องพึ่งพามนุษย์
ต่างจาก AI แบบเดิมที่ตอบสนองต่อคำสั่งเพียงอย่างเดียว ระบบนี้สามารถจดจำข้อมูล เรียนรู้จากผลลัพธ์ และปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์จริงได้แบบอัตโนมัติ ตัวอย่างการใช้งาน Agentic AI ในภาคอุตสาหกรรมเช่น
- ค้าปลีก: บริหารสต็อกแบบเรียลไทม์และสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล
- สถาบันการเงิน: วิเคราะห์การทุจริตและบริหารพอร์ตการลงทุน
- การผลิต: คาดการณ์การซ่อมบำรุงและตรวจสอบคุณภาพสินค้าอัตโนมัติ
- พลังงาน: วิเคราะห์ข้อมูลจากเซนเซอร์เพื่อลด Downtime และเพิ่มประสิทธิภาพ
การนำ Agentic AI มาใช้จึงเป็นมากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพ มันคือการเปลี่ยน “วิธีคิด” ขององค์กรให้กลายเป็น AI-driven Enterprise ที่พร้อมเติบโตในโลกดิจิทัล
ปัญหา ROI:
เมื่อผลตอบแทนยังไม่สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง อุปสรรคสำคัญของการใช้ Agentic AI คือ การวัด ROI อย่างถูกต้องและครบมิติ องค์กรจำนวนมากยังประเมินผลตอบแทนจากมุมมองการ “ลดต้นทุน”
เช่น ลดจำนวนพนักงาน หรือเพิ่มประสิทธิภาพต่อหน่วย แต่ละเลย “คุณค่าทางกลยุทธ์” ที่ยั่งยืนกว่า เช่น ความเร็วในการตัดสินใจ ความยืดหยุ่น และคุณภาพประสบการณ์ลูกค้า
จากประสบการณ์ของเซอร์ทิสพบข้อผิดพลาดหลักที่ทำให้ ROI ไม่สะท้อนศักยภาพจริง ได้แก่
- Agent Washing: การเรียกเทคโนโลยีทั่วไปว่า Agentic AI ทั้งที่ไม่มีความสามารถจริง
- ข้อมูลไม่พร้อมใช้งาน: ระบบข้อมูลไม่เชื่อมโยง ขาดการอัปเดตแบบเรียลไทม์
- มุมมอง ROI แคบเกินไป: เน้นแต่ผลลัพธ์ระยะสั้น มองข้ามคุณค่าระยะยาว
- ประเมินต้นทุนผิดพลาด: ใช้เครดิตคลาวด์ทดลอง ทำให้ต้นทุนจริงต่ำกว่าความเป็นจริง
การเปลี่ยนมุมมองจาก “ลดต้นทุน” มาเป็น “เพิ่มคุณภาพการตัดสินใจ” และ “สร้างคุณค่าใหม่ให้ธุรกิจ” คือหัวใจของการปลดล็อก ROI ที่แท้จริงของ Agentic AI
แนวโน้มการลงทุน AI ทั่วโลกต่างเร่งลงทุนใน AI และ Agentic AI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัล อย่าง เอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะจีน อินเดีย และญี่ปุ่น ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของ AI, สหรัฐฯ มุ่งพัฒนา Multi-Agent Systems ภายใต้กรอบกฎหมายใหม่อย่าง CHIPS Act
ส่วน ยุโรป เน้น AI ที่โปร่งใสและปลอดภัย ภายใต้กฎหมาย EU AI Act ขณะที่ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกา ใช้ AI ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
แนวโน้มทั้งหมดสะท้อนว่า โลกกำลังเคลื่อนสู่ยุคที่ AI ไม่ใช่เพียงเครื่องมือ แต่คือกลยุทธ์หลักขององค์กรระดับโลก
จาก Blueprint สู่ความสำเร็จขององค์กร :
การใช้ Agentic AI ให้เกิดผลจริงนั้นมี 5 แนวทางสำคัญ โดยต้องผสานเทคโนโลยี กลยุทธ์ และบุคลากรเข้าด้วยกัน เริ่มต้นจาก
- กำหนด Use Case ที่มีผลลัพธ์ชัดเจนและวัด ROI ได้จริง
- ปรับมุมมอง ROI ให้ครอบคลุมคุณค่าเชิงกลยุทธ์ เช่น การตัดสินใจและประสบการณ์ลูกค้า
- ลงทุนในระบบข้อมูลคุณภาพสูงและเชื่อมโยงกันแบบโปร่งใส
- เริ่มจากระบบที่มีมนุษย์ร่วมตรวจสอบ ก่อนขยายสู่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ
- ผสานแนวคิดระดับโลกเข้ากับบริบทท้องถิ่น เพื่อให้กลยุทธ์ AI เหมาะกับตลาดไทยและภูมิภาคเอเชีย
โดยสรุปแล้ว Agentic AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือใหม่ขององค์กร แต่คือ “วิวัฒนาการเชิงโครงสร้าง” ที่เปลี่ยนวิธีคิดและวิธีการตัดสินใจทางธุรกิจ
หากองค์กรมี Blueprint ที่ชัดเจน ระบบข้อมูลที่พร้อม และมุมมอง ROI ที่ถูกต้อง Agentic AI จะไม่ใช่เพียงเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพแต่จะเป็น ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ ที่สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจในระยะยาว







