ถอดบทเรียน “ASEAN–UNESCO Forum” สู่ธรรมาภิบาลแพลตฟอร์มดิจิทัลอาเซียน

เวที “ASEAN–UNESCO Forum” จุดประกายความร่วมมือข้ามพรมแดน เพื่อวางรากฐานธรรมาภิบาลแพลตฟอร์มดิจิทัลอาเซียน บนหลักสิทธิมนุษยชน ความโปร่งใส และความรับผิดชอบร่วมกัน สู่อนาคตดิจิทัลที่เป็นธรรมและยั่งยืน
KEY
POINTS
- เวที “ASEAN–UNESCO Forum” จัดขึ้นเพื่อสร้างธรรมาภิบาลแบบพหุภาคีสำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัลในอาเซียน โดยเน้นความโปร่งใส เป็นธรรม และเคารพสิทธิมนุษยชน เพื่อรับมือความท้าทายร่วมกัน
- มีการถอดบทเรียนจากกฎหมาย Digital Services Act (DSA) และ Digital Markets Act (DMA) ของยุโรป ซึ่งเป็นต้นแบบการกำกับดูแลเชิงป้องกันที่ให้แพลตฟอร์มรับผิดชอบต่อความเสี่ยงและส่งเสริมการแข่งขันที่เท่าเทียม
- UNESCO เสนอให้การกำกับดูแลตั้งอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชน โดยต้องคำนึงถึงบริบทท้องถิ่นและความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมส่งเสริมความรู้เท่าทันสื่อ ให้กับผู้ใช้
- ประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังร่วมกันพัฒนา “ASEAN Digital Principles” เพื่อเป็นแนวทางกลางในการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม โดยเน้นการสร้าง "หลักการร่วม" ที่ยืดหยุ่นแทนการออกกฎหมายเดียวกันทั้งหมด
- อนาคตของธรรมาภิบาลดิจิทัลในอาเซียนต้องตั้งอยู่บน 3 เสาหลัก คือ ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการเสริมพลังผู้ใช้ เพื่อรับมือความท้าทายใหม่จากเทคโนโลยีอย่าง Generative AI
"ไม่มีประเทศหรือภาคส่วนใดสามารถรับมือกับความท้าทายทางดิจิทัลได้เพียงลำพัง คำกล่าวของ" นายไชยชนก ชิดชอบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในพิธีเปิดเวที ASEAN–UNESCO Multistakeholder Forum on the Governance of Digital Platforms ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับ ETDA, ASEAN Secretariat, UNESCO และโครงการ Global Initiative on the Future of the Internet (GIFI) เมื่อวันที่ 20–22 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา
สะท้อนหัวใจสำคัญของเวที การร่วมสร้าง ธรรมาภิบาลแบบพหุภาคี (Multistakeholder Governance) เพื่อให้เทคโนโลยีเติบโตอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน
โดยไทยเสนอแนวทางสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
1. ความร่วมมือข้ามพรมแดน (Cross-border Collaboration) เพื่อจัดการความเสี่ยงของแพลตฟอร์มข้ามเขตอำนาจ
2. การเสริมพลังผู้ใช้ (User Empowerment) ให้ประชาชนควบคุมข้อมูลตนเองได้
3. เศรษฐกิจดิจิทัลที่เป็นธรรม (Fair Digital Economy) ไม่ให้แพลตฟอร์มรายใหญ่ผูกขาดตลาด
แพลตฟอร์มดิจิทัล: โครงสร้างพื้นฐานของชีวิต
ทุกวันนี้ประชากรอาเซียนกว่า 650 ล้านคน พึ่งพาแพลตฟอร์มดิจิทัลในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การค้า การศึกษา การสื่อสาร ไปจนถึงการรับข่าวสาร ขณะที่มูลค่าเศรษฐกิจแพลตฟอร์มของภูมิภาคคาดว่าจะสูงถึง 159,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2568 และแตะ 2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2573
แพลตฟอร์มเหล่านี้กลายเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ แต่ก็สร้างความท้าทายที่ซับซ้อน เช่น ข่าวปลอม การหลอกลวงออนไลน์ การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และการแข่งขันไม่เป็นธรรม ทำให้เวทีนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ “บทสนทนาระดับภูมิภาค” เพื่อสร้างกติกาที่สร้างสมดุลระหว่าง นวัตกรรม เศรษฐกิจ และสิทธิมนุษยชน
บทเรียนจากยุโรป: กติกาเพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม
“ยุโรป” ถือเป็นต้นแบบของธรรมาภิบาลแพลตฟอร์ม ผ่าน Digital Services Act (DSA) และ Digital Markets Act (DMA) ซึ่งสร้างกลไก “กำกับเชิงป้องกัน” (Ex-ante Regulation) ให้แพลตฟอร์มรับผิดชอบต่อความเสี่ยง เช่น ข่าวเท็จหรืออัลกอริทึมที่ไม่โปร่งใส ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการแข่งขันที่เท่าเทียมกับผู้ประกอบการรายเล็ก
ผู้แทนจาก คณะกรรมาธิการยุโรป (DG CONNECT) อธิบายว่า กฎหมายทั้งสองทำงานควบคู่กันภายใต้แนวคิด Co-regulation Ecosystem หรือระบบนิเวศการกำกับร่วมระหว่างภาครัฐ แพลตฟอร์ม และผู้ใช้ โดยมีการสร้าง “วัฒนธรรมความโปร่งใส” ที่ทุกฝ่ายเปิดเผยข้อมูลและตรวจสอบได้
ด้านหน่วยงาน Coimisiún na Meán จากไอร์แลนด์ได้เล่าประสบการณ์การจัดตั้งหน่วยงานอิสระ Digital Services Coordinator (DSC) ทำหน้าที่ตรวจสอบและรับข้อร้องเรียนจากผู้ใช้โดยตรง พร้อมเน้นว่า ผู้กำกับดูแลต้องพัฒนาความรู้ด้านเทคโนโลยีและอัลกอริทึมควบคู่กัน
มุมมองจาก UNESCO: ธรรมาภิบาลบนฐานสิทธิมนุษยชน
UNESCO ชี้ว่า การกำกับแพลตฟอร์มต้องตั้งอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชน และเปิดให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ไม่ใช่แค่ภาครัฐ แต่รวมถึงเอกชน ภาคประชาสังคม และสื่อ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจรัฐจำกัดเสรีภาพโดยไม่ตั้งใจ
UNESCO ยกกรณีโครงการ Social Media 4 Peace (SM4P) ในอินโดนีเซีย ที่พบว่า ระบบกลั่นกรองเนื้อหามักรองรับภาษาอังกฤษเป็นหลัก จนเนื้อหาบิดเบือนในภาษาท้องถิ่นหลุดรอดไปได้ง่าย จึงเสนอให้ธรรมาภิบาลแพลตฟอร์มคำนึงถึง บริบทท้องถิ่นและความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมผลักดันแนวคิด Media and Information Literacy (MIL) เพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจกลไกแพลตฟอร์มและแยกแยะข่าวปลอมได้
อาเซียนเดินหน้าสร้างหลักการร่วม
ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างอยู่ระหว่างพัฒนา “ASEAN Digital Principles” เพื่อใช้เป็นแนวทางกลางในการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม โดย ไทยและลาว ได้เสนอร่าง “Recommendations on Digital Platform Governance in ASEAN” ครอบคลุม 9 ด้านสำคัญ เช่น ข่าวเท็จ ความโปร่งใส การหลอกลวงออนไลน์ การกำกับอัลกอริทึมและ AI รวมถึงสิทธิของผู้ใช้บริการ
หลายประเทศเห็นตรงกันว่า แนวทางที่เหมาะสมที่สุดคือ “หลักการร่วม” มากกว่าการออกกฎหมายเดียวกันทุกประเทศ เพื่อให้ยืดหยุ่นตามบริบทของแต่ละชาติ แต่ยังคงยึดหลัก โปร่งใส เป็นธรรม และเคารพสิทธิมนุษยชน เป็นศูนย์กลาง
จากแพลตฟอร์มสู่ยุค Generative AI
เมื่อเทคโนโลยีอย่าง Generative AI เข้ามาเสริมศักยภาพของแพลตฟอร์ม ก็เกิดความท้าทายใหม่ด้านความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของข้อมูล ผู้เชี่ยวชาญเสนอแนวคิด Safety by Design หรือการออกแบบระบบให้รับผิดชอบตั้งแต่ต้นทาง เช่น ตรวจสอบอคติของอัลกอริทึม ป้องกัน Deepfake และคุ้มครองกลุ่มผู้ใช้เปราะบาง
เพราะในยุคที่ “แพลตฟอร์ม” และ “AI” กลายเป็นโครงสร้างเดียวกัน ธรรมาภิบาลดิจิทัลต้องถูกออกแบบไว้ล่วงหน้า ไม่ใช่รอแก้ปัญหาภายหลัง
วัฒนธรรมความรับผิดชอบร่วม: หัวใจของอนาคตดิจิทัล
เวที ASEAN–UNESCO ครั้งนี้สรุปตรงกันว่า การกำกับดูแลแพลตฟอร์มไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพ แต่คือการ “ออกแบบระบบที่ทำให้เสรีภาพอยู่ร่วมกับความรับผิดชอบได้”
อนาคตของธรรมาภิบาลดิจิทัลต้องตั้งอยู่บน 3 เสาหลัก ได้แก่
- Transparency – ความโปร่งใสของข้อมูลและอัลกอริทึม
- Accountability – ความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มและภาครัฐ
- Empowerment – การเสริมพลังผู้ใช้ให้มีสิทธิ์และความรู้ในการกำหนดประสบการณ์ดิจิทัลของตนเอง
เพราะสุดท้าย จุดหมายไม่ใช่แค่การสร้าง “ธรรมาภิบาลดิจิทัล” แต่คือการร่วมสร้าง “อนาคตดิจิทัลที่ทุกคนรับผิดชอบร่วมกัน” เพื่อให้เทคโนโลยีรับใช้มนุษย์อย่างเท่าเทียมและยั่งยืน







