ดีอีเบรก "เน็ตคนละครึ่ง" ขอรีเซตเงื่อนไขใหม่ ชี้ 160 บาทยังแพง–ดาต้า 40GB น้อยเกินไป

ดีอีเบรก "เน็ตคนละครึ่ง" ขอรีเซตเงื่อนไขใหม่ ชี้ 160 บาทยังแพง–ดาต้า 40GB น้อยเกินไป

"ไชยชนก" ไม่ปลื้มแพ็กเกจเน็ตคนละครึ่ง 160 บาท ชี้ประชาชนควรได้มากกว่านี้ ทั้งปริมาณดาต้า และความคุ้มค่าเงิน เตรียมเปิดโต๊ะถก กสทช. – โอเปอเรเตอร์ ใหม่ก่อนเสนอ ครม.อีกครั้ง พร้อมเร่งเดินหน้ากฎหมายสกัดสแกม ปรับโครงสร้างระบบป้องกัน-ตอบโต้ภัยไซเบอร์ให้เข้มข้น

KEY

POINTS

  • กระทรวงดีอี สั่งชะลอโครงการ “เน็ตคนละครึ่ง” เพื่อทบทวนเงื่อนไขใหม่ทั้งหมด
  • ดีอีเห็นว่าอัตราค่าบริการรายเดือน 160 บาทที่ กสทช. เสนอมานั้น ยังมีราคาสูงเกินไปสำหรับผู้มีรายได้น้อย
  • ปริมาณข้อมูลอินเทอร์เน็ต (ดาต้า) ที่ 40GB ต่อเดือน ถูกมองว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งานของประชาชน
  • โครงการยังไม่ถูก ครม.วันนี้ เนื่องจากดีอีต้องการหารือรายละเอียดเพิ่มเติมกับ กสทช. และผู้ให้บริการ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ส่อเบรกโครงการ “เน็ตคนละครึ่ง” หลังยังไม่เห็นด้วยกับอัตราค่าบริการรายเดือน 160 บาท และปริมาณดาต้า 40 กิกะไบต์ต่อเดือน ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เสนอ โดยมองว่ายังแพงเกินไป และไม่ตอบโจทย์ประชาชนฐานราก

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า วาระโครงการเน็ตคนละครึ่ง จะยังไม่เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 4 พฤศจิกายน นี้ แม้ก่อนหน้านี้จะมีกำหนดเสนอในวันที่ 28 ตุลาคม 2568 เนื่องจากกระทรวงดีอีเห็นว่ายังต้องมีการทบทวนรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเฉพาะราคา และปริมาณดาต้าที่ประชาชนควรได้รับ

ผมยังไม่เคยสรุปอัตราดังกล่าวกับ กสทช. และยังไม่ทราบว่าตัวเลข 160 บาทกับดาต้า 40GB มาจากการคำนวณแบบใด เราต้องดูให้รอบด้าน เพราะโครงการนี้มีเป้าหมายช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยจริง ๆ ไม่ใช่แค่ลดราคาตามสูตรสำเร็จ

ทั้งนี้ โครงการเน็ตคนละครึ่งมีแนวคิดเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 14 ล้านราย โดยจะใช้งบประมาณจาก กองทุนวิจัย และพัฒนากิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) เป็นแหล่งสนับสนุน เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษา และเศรษฐกิจดิจิทัลให้เข้าถึงทุกพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ในการหารือเบื้องต้น สำนักงาน กสทช. เคยต่อรองกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ซึ่งเสนอราคาบริการที่ 199 บาทต่อเดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ก่อนจะปรับลดเหลือ 160 บาทรวมภาษี โดยให้สิทธิดาต้า 40GB ต่อเดือน นาน 3 รอบบิล ทว่า ดีอีเห็นว่ายังไม่เพียงพอ และต้องการให้ภาคเอกชนร่วมรับภาระมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อินเทอร์เน็ตในราคาที่เหมาะสมจริง

นอกจากนี้ ยังมีอุปสรรคสำคัญคือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการจำนวนมากยังใช้โทรศัพท์ระบบ 2G ซึ่งไม่รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต จึงต้องหารือแนวทางสนับสนุนการอัปเกรดอุปกรณ์ให้สามารถเชื่อมต่อ 4G หรือ 5G ได้ เพื่อให้โครงการเกิดประโยชน์จริงในทางปฏิบัติ ไม่ใช่เพียงเชิงนโยบาย

ด้าน นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการและรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ระบุว่า สำนักงานฯ อยู่ระหว่างรอหนังสือจากกระทรวงดีอีเพื่อปรับเงื่อนไขก่อนกลับมาหารือกับผู้ให้บริการอีกครั้ง โดยแนวทางอัตราค่าบริการ 160 บาทนั้น เป็นโมเดลที่เคยใช้ในช่วงโควิด-19 ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน รมว.ดีอี ยังเผยถึงความคืบหน้าการปรับปรุง “พระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีฉบับใหม่” ที่อยู่ระหว่างเร่งรัดร่างให้ทันภายในเดือนพฤศจิกายน นี้ โดยจะเพิ่มบทลงโทษผู้กระทำผิด ตั้งหน่วยเฉพาะกิจด้านสแกมภายใน 1–2 เดือน และเพิ่มอำนาจเชิงรุกในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์

ผมยืนยันว่าจะไม่มีการละเว้น หากพบเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง หรือบุคลากรใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกม จะถูกดำเนินคดีโดยไม่ละเว้นเด็ดขาด

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.ก. ฉบับใหม่นี้ยังเพิ่มระบบคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ที่ทำภารกิจข้ามพรมแดน พร้อมปรับกลไกตอบโต้ภัยไซเบอร์ให้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการปกป้องข้อมูล และเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในระยะยาว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์