ภาษีดิจิทัลไทย “เกมเศรษฐกิจโลก” ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างรายได้รัฐ-แรงกดดันสหรัฐฯ

แม้ไทยเก็บ VAT จากแพลตฟอร์มต่างชาติแล้ว แต่ “ภาษีดิจิทัล” ที่มุ่งจัดเก็บรายได้โดยตรงจากยักษ์เทคโนโลยีสหรัฐฯ ยังไม่เกิดขึ้นจริง ท่ามกลางแรงกดดันทางการค้าระหว่างประเทศ และผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลต้องคำนวณให้รอบด้าน
KEY
POINTS
- ประเทศไทยกำลังพิจารณาการเก็บภาษีบริการดิจิทัลโดยตรงจากแพลตฟอร์มต่างชาติ
- แต่ยังเป็นเพียงแนวคิดที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างผลประโยชน์ด้านรายได้ของรัฐกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
- ความท้าทายสำคัญคือแรงกดดันจากสหรัฐฯ ซึ่งมีกฎหมายที่อาจใช้มาตรการทางการค้าตอบโต้ หากไทยเก็บภาษีที่กระทบบริษัทเทคโนโลยีอเมริกัน
- การตัดสินใจเก็บภาษีดิจิทัลถูกมองว่าเป็น "ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์" ที่ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ
- ไทยอาจต้องยอมชะลอการเก็บภาษี เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางการค้าในด้านอื่นที่ใหญ่กว่า เช่น การเข้าถึงตลาดส่งออกสินค้าเกษตรไปยังสหรัฐฯ
ท่ามกลางกระแสการจัดเก็บภาษีบริการดิจิทัลทั่วโลก เพื่อสร้างความเป็นธรรมระหว่างแพลตฟอร์มต่างชาติและผู้ประกอบการภายในประเทศ ไทยกลับยังอยู่ในจุดเริ่มต้นของการถกเถียงเชิงนโยบาย
ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังไม่มีการจัดเก็บ “ภาษีบริการดิจิทัล” โดยตรงจากแพลตฟอร์มต่างประเทศ เช่น Google, Facebook หรือ Netflix แม้จะมีการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แล้วก็ตาม
ภาษีดิจิทัลจึงยังเป็นเพียงแนวคิดในเชิงนโยบายที่กรมสรรพากรกำลังศึกษา โดยเอ็ตด้ามีบทบาทเพียงสนับสนุนข้อมูลเบื้องต้น ไม่ได้เป็นผู้ผลักดันหลัก ขณะที่ประเด็นนี้เริ่มกลายเป็น “สนามต่อรอง” ระหว่างนโยบายภาษีและการทูตการค้าระหว่างประเทศ
จุดตัดของเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการเมืองโลก
ดร.ชัยชนะ ชี้ว่าภาษีดิจิทัลไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิคทางเศรษฐกิจ แต่เป็น “ประเด็นภูมิรัฐศาสตร์” โดยตรง เพราะหากไทยเดินหน้าเก็บภาษีจากแพลตฟอร์มยักษ์สหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ สหรัฐฯ อาจใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าได้ทันที
กฎหมายของสหรัฐฯ เปิดช่องให้รัฐบาลใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้ประเทศที่เก็บภาษีไม่เป็นธรรมต่อบริษัทเทคโนโลยีอเมริกัน เช่น กฎหมาย One Big Beautiful Bill ซึ่งให้อำนาจสหรัฐฯ โต้กลับได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนระหว่างประเทศมากนัก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา หลายประเทศในยุโรป เช่น ฝรั่งเศสและสเปน เคยออกภาษีดิจิทัลกับบริษัทเทคสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการค้าระดับสูง สหรัฐฯ ถึงขั้นขู่ใช้ภาษีตอบโต้สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม จนหลายประเทศต้องชะลอการบังคับใช้ หรือรอแนวทางร่วมจาก OECD
ไทยระวังเกมระหว่างประเทศ – ยอมบางเรื่องเพื่อได้มากกว่า
ในมุมของไทย แม้จะมี พระราชกำหนดภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ให้บริการต่างประเทศ ซึ่งครอบคลุมแพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว แต่ภาษีดิจิทัลในลักษณะ “จัดเก็บจากกำไรหรือรายได้ดิจิทัลโดยตรง” ยังไม่เริ่มใช้จริง และอาจต้องรอดูความสอดคล้องกับข้อตกลงทางการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ ก่อน
เมื่อถูกถามว่า การที่ไทยยังไม่เดินหน้าเต็มรูปแบบถือเป็น “การยอม” หรือไม่ ดร.ชัยชนะตอบอย่างระมัดระวังว่า การตัดสินใจเช่นนี้อาจเป็นการชั่งน้ำหนักเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาล
“บางเรื่องเราอาจต้องยอม เพื่อแลกกับผลประโยชน์ในด้านอื่นที่ใหญ่กว่า เช่น การเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรหรือการส่งออกสินค้าที่อ่อนไหว ซึ่งรัฐบาลต้องประเมินผลได้เสียในภาพรวม ไม่ใช่แค่รายได้จากภาษี” เขากล่าว
ท่ามกลางแรงกดดัน โลกจับตาไทยจะเลือกทางไหน
การจัดเก็บภาษีดิจิทัลกำลังกลายเป็น “สมรภูมิใหม่” ของเศรษฐกิจโลก ประเทศกำลังพัฒนาเริ่มมองว่าบริษัทเทคยักษ์ได้รับผลประโยชน์เกินสัดส่วน ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐฯ กลับมองว่านั่นคือการเลือกปฏิบัติทางการค้า
สำหรับไทย การเดินเกมในเรื่องนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนความพร้อมด้านกฎหมายและระบบจัดเก็บ แต่ยังทดสอบความสามารถในการวางสมดุลระหว่าง “รายได้รัฐ” กับ “เสถียรภาพทางการค้า” บนเวทีโลก
ในที่สุด การตัดสินใจว่าจะเก็บหรือไม่เก็บภาษีดิจิทัล จึงไม่ใช่เพียงโจทย์ของกรมสรรพากร แต่เป็น “กลยุทธ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ” ที่อาจกำหนดบทบาทของไทยในเศรษฐกิจดิจิทัลโลกในอีกทศวรรษข้างหน้า







