โตไม่หยุด ฉุดไม่อยู่! Garmin เตรียมตั้งโรงงานในไทย เผยรายได้จึ้ง

แบรนด์สมาร์ตวอตช์ที่ยืนหนึ่งในใจของผู้ใช้งานทั่วโลกอย่าง Garmin ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตนาฬิกา GPS อีกต่อไป แต่ได้กลายมาเป็น Health & Wellness Tech Company เต็มรูปแบบที่พิสูจน์ความสำเร็จด้วยตัวเลขการเติบโตระดับโลกที่ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ การประกาศรายได้ครึ่งปีแรกที่สูงถึง 3.34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเติบโตกว่า 16 เปอร์เซ็นต์ คือเครื่องยืนยันความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน

สำหรับประเทศไทย Garmin สร้างปรากฏการณ์การเติบโตที่น่าจับตามองด้วยรายได้ที่พุ่งสูงขึ้นกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ ในครึ่งปีแรกของปี 2568 พร้อมประกาศข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการ ด้วยการขยายฐานการผลิตมายังประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยเตรียมตั้งโรงงานที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มสายการผลิตได้ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2569 การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก แต่ยังเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์ "Vertical Integration" ที่ Garmin ลงมือทำเองตั้งแต่การวิจัย พัฒนา ผลิต ไปจนถึงการตลาด เพื่อควบคุมคุณภาพและปรับตัวให้ทันโลกที่หมุนเร็วอยู่เสมอ

จากเทรนด์ Longevity สู่โค้ชสุขภาพส่วนตัวบนข้อมือ

กระแสสุขภาพในประเทศไทยยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมกะเทรนด์อย่าง ‘Longevity’ ที่ไม่ใช่แค่การมีอายุยืนยาว แต่คือการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก Harvard Health Publishing ที่ระบุว่าพันธุกรรมมีผลต่ออายุขัยเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 75 เปอร์เซ็นต์ มาจากการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพของเราเอง Garmin จึงก้าวไปอีกขั้นจากการเป็นเพียงอุปกรณ์ติดตามข้อมูล สู่การเป็น "โค้ชดูแลสุขภาพส่วนตัว" ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่นำไปใช้ได้จริง เห็นได้ชัดจากการพัฒนาฟีเจอร์การนอน จาก Sleep Score ในปี 2564 สู่ Sleep Coach ในปี 2566 และล่าสุดกับ Sleep Alignment ที่เปิดตัวใน Venu 4 ซึ่งวิเคราะห์รูปแบบการนอนว่าสอดคล้องกับจังหวะชีวภาพ (Circadian Rhythm) ของร่างกายหรือไม่ เพื่อให้ผู้ใช้ปรับเวลานอนได้อย่างเหมาะสมที่สุด

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Lifestyle Logging ที่ให้ผู้ใช้บันทึกพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การดื่มกาแฟ หรือการทำสมาธิ เพื่อดูผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม ทำให้ผู้ใช้เข้าใจร่างกายตนเองได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัย อุ่นใจทุกการผจญภัย

นอกจากการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันแล้ว Garmin ยังให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยในทุกกิจกรรม ด้วยแนวคิด "นวัตกรรมช่วยปกป้อง (Innovation That Protects)" ที่จะช่วยเพิ่มการรับรู้สถานการณ์ (Situation Awareness) ให้กับผู้ใช้งาน ไฮไลท์เด็ดคือ เทคโนโลยี inReach ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสื่อสารผ่านดาวเทียมที่ทำให้ผู้ใช้ส่งข้อความ แชร์ตำแหน่ง หรือขอความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านฟังก์ชัน SOS ได้จากทุกที่ทั่วโลก แม้ในบริเวณที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ โดยระบบจะเชื่อมต่อกับศูนย์ประสานงานฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Garmin Response Center) ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและประสานงานกับหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ได้ถูกบรรจุไว้ในสมาร์ตวอตช์เป็นครั้งแรกในซีรีส์ fēnix 8 Pro Series ไม่เพียงเท่านั้น Garmin ยังขยายนวัตกรรมความปลอดภัยไปสู่โลกใต้น้ำด้วยทุ่นอัจฉริยะ Descent S1 ที่ช่วยให้นักดำน้ำสื่อสารและนำทางกับทีมงานบนผิวน้ำได้แบบเรียลไทม์

ครั้งแรกของโลกกับจอ MicroLED ใน fēnix 8 สว่างคมชัดและทนทานกว่าที่เคย

อีกหนึ่งนวัตกรรมที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการสมาร์ตวอตช์ คือการที่ Garmin ได้บูรณาการหน้าจอ MicroLED มาใช้เป็นครั้งแรกของโลกในรุ่น fēnix 8 – MicroLED และ fēnix 8 Pro – MicroLED ซึ่งทำให้ได้จอแสดงผลที่สว่างที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมให้มุมมองที่กว้างขึ้น อ่านข้อมูลได้ง่ายแม้จะอยู่กลางแดดจ้า และยังมีความทนทานสูงขึ้นถึง 3 เท่า แม้ว่าในปีนี้ Garmin Thailand จะนำเพียงรุ่น fēnix 8 – MicroLED เข้ามาวางจำหน่ายก่อน แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาสู่ผู้ใช้งานชาวไทย ส่วนเทคโนโลยี inReach และฟังก์ชัน SOS สำหรับสมาร์ตวอตช์นั้น ทางการ์มินกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแลในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันให้คนไทยใช้งานได้ในอนาคตอันใกล้นี้ 

การเติบโตอย่างก้าวกระโดด การลงทุนสร้างฐานการผลิตในประเทศ และการเปิดตัวนวัตกรรมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง คือบทพิสูจน์ว่า Garmin พร้อมที่จะเป็นแบรนด์ที่ผู้คนไว้วางใจและเลือกให้อยู่เคียงข้างในทุกจังหวะของชีวิต