‘สามารถคอร์ป’ เร่งปิดดีลงานประมูลภาครัฐ เชื่อปีนี้มีกำไรดันแบ็กล็อกทะลุ 2 หมื่นล้าน

‘สามารถคอร์ป’ เร่งปิดดีลงานประมูลภาครัฐ เชื่อปีนี้มีกำไรดันแบ็กล็อกทะลุ 2 หมื่นล้าน

วัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ ชี้ปี 2568 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท หลังธุรกิจกลับมามีกำไรเต็มรูปแบบ รับแรงหนุนงานประมูลรัฐกว่า 9,000 ล้านบาท ดันรายได้ทั้งปีแตะ 1.1 หมื่นล้าน พร้อมปูทางนำ ‘เทด้า’ เข้าตลาดหลักทรัพย์

KEY

POINTS

  • กลุ่มสามารถฯ เร่งประมูลงานภาครัฐในช่วงโค้งสุดท้ายของปีมูลค่ารวมเกือบ 9,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายให้ยอดงานในมือ (Backlog) สิ้นปีทะลุ 20,000 ล้านบาท
  • บริษัทเชื่อมั่นว่าปีนี้จะเป็นปีที่กลับมาทำกำไรได้อย่างเต็มตัว หลังจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน
  • บริษัทลูกในเครือทุกแห่งเติบโตแข็งแกร่ง โดยเฉพาะ สามารถเทลคอม, สามารถ เอวิเอชั่น (SAV), และ เทด้า (TEDA) ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการประมูลงานใหม่เพื่อสร้าง Backlog
  • ธุรกิจการบิน (SAV) ยังคงเติบโตได้ดีแม้มีปัจจัยลบระยะสั้น และกลุ่มมีแผนนำบริษัทลูก "เทด้า" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในอนาคต

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 กลุ่มสามารถฯ มีงานรอประมูลรวมเกือบ 9,000 ล้านบาท จากหลายหน่วยงานรัฐที่เร่งเบิกจ่ายงบประมาณ โดยทุกบริษัทในเครือมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง

บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) มีงานรอประมูลกว่า 4,000 ล้านบาท คาดสิ้นปีจะมี Backlog ราว 9,000 ล้านบาท ขณะที่ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น จำกัด (SAV) มีงานรอประมูลอีก 2,300 ล้านบาท และบริษัท เทด้า (TEDA) ซึ่งดำเนินธุรกิจระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง มีงานรอประมูลเกือบ 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมทั้งกลุ่มคาด Backlog สิ้นปีทะลุ 20,000 ล้านบาท

สำหรับรายได้ทั้งปีคาดอยู่ที่ 11,000–11,500 ล้านบาท โดยไตรมาส 4 จะเป็นช่วงรับรู้รายได้มากที่สุดในรอบปี หนุนให้รายได้รวมเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อน

“ปีนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกลุ่มสามารถ เรากลับมามีกำไรอย่างเต็มตัว (Turnaround 100%) หลังจากปรับโครงสร้างธุรกิจและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทลูกที่แข็งแรงขึ้นย่อมส่งผลดีต่อบริษัทแม่โดยตรง” นายวัฒน์ชัยกล่าว พร้อมระบุว่ากลุ่มมีแผนนำบริษัท เทด้า เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตอันใกล้

9 เดือนรายได้พุ่ง 7.7 พันล้าน – ทุกธุรกิจโตเด่น

ภาพรวม 9 เดือนแรกของปี 2568 กลุ่มสามารถฯ มีรายได้รวม 7,700 ล้านบาท และ Backlog ประมาณ 18,000 ล้านบาท แม้ต้องเผชิญความล่าช้าจากงบประมาณรัฐ แต่ทุกสายธุรกิจยังคงเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ

ธุรกิจ Digital ICT Solutions เซ็นสัญญาโครงการใหม่มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทเช่น โครงการ “Utility Platform (UTP)” ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปัจจุบันมี Backlog รวมกว่า 8,000 ล้านบาท

ด้าน Digital Communications มีผลประกอบการโดดเด่น ครึ่งปีแรกมีกำไร 33 ล้านบาท จากค่า Air Time ของระบบวิทยุคมนาคมดิจิทัล (Digital Trunked Radio System) ภายใต้โครงการวิทยุสื่อสารของกระทรวงมหาดไทย และจะสร้างรายได้ต่อเนื่องตลอดปี

ขณะที่ธุรกิจ Utilities & Transportations โดย SAV ซึ่งให้บริการจัดการการจราจรทางอากาศในกัมพูชา พบว่า 9 เดือนแรกปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ด้าน เทด้า มี Backlog กว่า 3,800 ล้านบาท และเพิ่งได้งานใหม่อีก 2,400 ล้านบาท เช่น โครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง 230/115 kV ที่นครศรีธรรมราช ขนอม พัทลุง และเชียงใหม่

‘สามารถคอร์ป’ เร่งปิดดีลงานประมูลภาครัฐ เชื่อปีนี้มีกำไรดันแบ็กล็อกทะลุ 2 หมื่นล้าน

SAV ยังโตต่อ แม้รับแรงสั่นสะเทือนจากเหตุชายแดน

นายรัฐนันท์ วิไลลักษณ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ สามารถ เปิดเผยว่า ธุรกิจ SAV ยังเติบโตแข็งแกร่ง แม้ได้รับผลกระทบชั่วคราวจากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งทำให้เที่ยวบินลดลงช่วงสั้นเพียง 2 สัปดาห์ ก่อนกลับสู่ระดับปกติราว 250 เที่ยวต่อสองวัน

ขณะเดียวกัน ช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคมที่ผ่านมา แม้บางเที่ยวบินต้องยกเลิกจากพายุในเวียดนาม แต่ผลกระทบไม่มากนัก โดยเที่ยวบินระหว่างประเทศในกัมพูชาเพิ่มขึ้น 4–5% ในไตรมาส 3 จากปัจจัยหนุนทั้งการฟื้นตัวของท่องเที่ยว และการส่งกลับกลุ่มสแกมเมอร์ออกนอกประเทศ

SAV คาดว่าจำนวนเที่ยวบิน Overflight จะกลับมาเติบโตในช่วงปลายปี จากเส้นทางในเวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย จีน และสิงคโปร์ แม้ได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าทำให้รายได้หายไปบางส่วน แต่ยังคงคาดกำไรสุทธิทั้งปีเติบโตไม่ต่ำกว่า 15%

ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับเป้ากำไรปี 2568 จาก 560 ล้านบาท เหลือ 540 ล้านบาท หลังตั้งสำรองสินทรัพย์ราว 19.1 ล้านบาท จากโครงการสนามบินพนมเปญเดิม ซึ่งเป็นการตั้งสำรองที่ทยอยดำเนินมาตลอด 3 ไตรมาสที่ผ่านมา

แม้มีปัจจัยภายนอกกระทบระยะสั้น แต่พื้นฐานธุรกิจยังแข็งแรง และมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยเฉพาะในธุรกิจการบินและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะเป็นแรงขับสำคัญให้กลุ่มสามารถเติบโตต่อเนื่องในปีหน้า