คนไทยแห่ ‘ช้อปออนไลน์’ สวนวิกฤติ ‘ช้อปปี้ ลาซาด้า ติ๊กต็อก’ โกยแสนล้าน

“อีคอมเมิร์ซไทย” โตสวนกระแส คาดเงินสะพัดทะลุ 1.6 ล้านล้านบาท คนไทยหัน ‘ช้อปออนไลน์’ โตก้าวกระโดด หนุน “ช้อปปี้-ลาซาด้า-ติ๊กต็อก” รายได้รวมกันเฉียดแสนล้าน “ช้อปปี้ ลาซาด้า” ฟันยอดขายรวมกันกว่า 8 หมื่นล้าน ด้าน “ติ๊กต็อก ช็อป” รายได้ทะลุ 1.2 หมื่นล้าน แจ้งเกิดเต็มตัวปลุกกระแส ‘ไลฟ์คอมเมิร์ซ’ ด้าน “แกร็บ" ชี้สั่งอาหารผ่านแอปยังโตไม่แผ่ว สะท้อนพฤติกรรมคนไทยหันจับจ่ายบนโลกออนไลน์แรงต่อเนื่อง
KEY
POINTS
- ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ โดยปี 2567 มีมูลค่าสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท สะท้อนพฤติกรรมคนไทยที่หันมาชอปปิงออนไลน์มากขึ้น
- 3 แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ช้อปปี้, ลาซาด้า และติ๊กต็อก ช็อป กวาดรายได้รวมกันเกือบแสนล้านบาท โดยช้อปปี้ และลาซาด้ายังครองส่วนแบ่งตลาดรวมกันกว่า 80%
- ติ๊กต็อก ช็อป (TikTok Shop) กลายเป็นผู้เล่นดาวรุ่งที่เติบโตอย่างรวดเร็วด้วยกลยุทธ์ Live Commerce และ Shoppertainment สร้างรายได้ทะลุ 1.2 หมื่นล้านบาท
ท่ามกลางสัญญาณการชะลอตัวของกำลังซื้อ ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยกลับเดินหน้าเติบโตอย่างร้อนแรง สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ปรับตัวเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงสินค้าแฟชั่น และเครื่องสำอาง โดยมี “แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่” อย่าง ช้อปปี้ (Shopee) ลาซาด้า (Lazada) และ ติ๊กต็อก (Tiktok) เป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันเม็ดเงินหมุนเวียนในตลาดออนไลน์ให้พุ่งต่อเนื่อง
ข้อมูลจากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลล่าสุด ระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 12-15% และประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีสัดส่วนผู้ใช้งานสูงที่สุด โดยเฉพาะในปี 2024–2025 ที่ยอดคำสั่งซื้อ และมูลค่าการใช้จ่าย (GMV) ของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเติบโตแบบ “ก้าวกระโดด” สวนทางกับยอดขายกลุ่มค้าปลีกดั้งเดิมที่เริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
แหล่งข่าววงการอีคอมเมิร์ซไทย วิเคราะห์ว่า การค้นหาโปรโมชัน และราคาที่ดีที่สุด กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการตัดสินใจซื้อสินค้า ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังได้พัฒนา “ประสบการณ์การชอปปิงออนไลน์” อย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบแนะนำสินค้า (recommendation system), การชำระเงินผ่าน e-wallet ,บริการส่งด่วนถึงบ้านใน 1 วัน ยังไม่นับรวม บริการซื้อก่อนจ่ายที่หลัง ผ่อนสินค้าได้ 0% หนุนพฤติกรรม “ซื้อออนไลน์ก่อน ดูของจริงทีหลัง” กลายเป็นเรื่องปกติผู้บริโภคยุคใหม่
แพลตฟอร์มยักษ์กวาดเรียบตลาด
ในสนามแข่งขัน ช้อปปี้ และ ลาซาด้า ยังคงเป็นสองผู้เล่นหลักที่ครองส่วนแบ่งตลาดรวมกว่า 80% โดยต่างฝ่ายต่างเร่งเครื่องลงทุนในเทคโนโลยีโลจิสติกส์ การตลาดผ่านไลฟ์สตรีม และระบบชำระเงิน เพื่อรักษาฐานลูกค้าและเพิ่ม “เวลาใช้งาน” บนแพลตฟอร์ม
ผลประกอบการของ ซี กรุ๊ป (Sea Group) บริษัทแม่ของ ช้อปปี้ ในปี 2024 สะท้อนทิศทางดังกล่าวได้ชัดเจน เมื่อรายได้จากธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ขาดทุนสุทธิหดตัวลงจากการบริหารต้นทุน และระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลจาก Creden data ระบุว่า ผลประกอบการ ช้อปปี้ในไทย ปี 2567 พุ่งแตะเฉียด 5 หมื่นล้าน (49,964 ล้านบาท) กำไรโต กว่า 4,630 พันล้านบาท
ส่วนลาซาด้า ภายใต้เครือ อาลีบาบา กรุ๊ป ก็เดินเกมรุกขยายคลังสินค้าในไทย และเปิดตัวบริการ “Lazada One Logistics” เพื่อยกระดับการจัดส่งให้เร็ว และราคาถูกลง ล่าสุด รายได้ ลาซาต้าปี 2568 อยู่ที่กว่า 30,162 ล้านบาท กำไรกว่า 1,459 พันล้านบาท
โซเชียลคอมเมิร์ซแรง “ติ๊กต็อก”เขย่า
นอกจาก ผู้เล่นรายใหญ่เดิมแล้ววันนี้ ติ๊กต็อก ช็อป (TikTok Shop) ถือเป็นดาวรุ่งที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อโครงสร้างตลาดค้าปลีกออนไลน์ของไทย ด้วยการผสมผสานระหว่างเนื้อหาคอนเทนต์ และการขายแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และวัยทำงานตอนต้น หันมาซื้อสินค้าผ่านไลฟ์สดมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด
ปรากฏการณ์ Live สดของศิลปิน และครีเอเตอร์ "เจนนี่" (รัชนก สุวรรณเกตุ) มีผู้เข้าชมไลฟ์ขายสินค้าในเวลาเดียวกันสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากถึง 1.2 ล้านวิว
ข้อมูลจาก Creden data ระบุ ว่า TikTok มีรายได้ทะลุ 12,000 ล้านบาท (12,066 ล้านบาท) ภายใต้ชื่อ บริษัท ติ๊กต๊อก ช็อป (ประเทศไทย)จำกัด ซึ่งเริ่มจัดตั้งบริษัทในประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2566 และมีทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท
นางสาวกรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์ หัวหน้าฝ่าย เอฟเอ็มซีจี, อีคอมเมิร์ซ TikTok Shop ประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยสร้างการเติบโตได้อย่างน่าทึ่งบนแพลตฟอร์มของ TikTok
จากการจัดทำแคมเปญเพื่อส่งเสริมแบรนด์ของคนไทย (ThaiRisers) พบว่า หากรู้จักเลือกใช้เครื่องมือยอดขายสามารถเติบโตได้ เช่น ช่วงแคมเปญเมกะเซลช่วยเพิ่ม GMV อย่างมีนัยสำคัญ โดยเกือบครึ่งหนึ่งของแบรนด์ไทยเหล่านี้มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 200% และเกือบ 20% ของแบรนด์มียอดขายรวมพุ่งสูงขึ้น 5-10 เท่าในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ปัจจุบัน กระแสการชอปปิงออนไลน์ผ่านไลฟ์สตรีมมิง (Live Commerce) เติบโตอย่างก้าวกระโดด และกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยพลังของ Live Economy ช่วยให้ผู้ขายชาวไทยสามารถเปลี่ยนยอดการเข้าชมให้กลายเป็นยอดขายที่จับต้องได้
ขณะที่ “Shoppertainment” หรือการผสานความบันเทิงเข้ากับการชอปปิง คือ กลยุทธ์สำคัญที่สร้างความแตกต่าง และผลลัพธ์ทางธุรกิจที่วัดผลได้จริง
อีคอมเมิร์ซไทยแรงไม่หยุด เม็ดเงินสะพัด
ในอีกด้านข้อมูล priceza.com เผยภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยปี 2567 มีการขยายตัว 14% และมีมูลค่าแตะระดับ 1.1 ล้านล้านบาท จากปีก่อน 2566 มีมูลค่า 9.8 แสนล้านบาท พร้อมประเมินว่าในปี 2570 ตลาดรวมอีคอมเมิร์ซ จะมีมูลค่าถึงระดับ 1.6 ล้านล้านบาท
สำหรับตลาดอีคอมเมิร์ซไทยมีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของในภูมิภาคอาเซียนรองจากประเทศอินโดนีเซีย ทั้งที่จำนวนประชากรของประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 4 ของตลาดอาเซียน
อย่างไรก็ดี ปี 2568 ถูกมองว่า หนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดอีคอมเมิร์ซ คือ Affiliate Marketing หรือ รูปแบบการตลาดออนไลน์ ที่ให้บุคคลอื่นช่วยโปรโมตสินค้าหรือบริการให้ แล้วจะได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าคอมมิชชันเมื่อมีการซื้อขายหรือทำตามเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ทำหน้าที่นี้จะได้รับลิงก์เฉพาะตัวเพื่อนำไปแชร์ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรือบล็อก และเมื่อมีคนคลิกผ่านลิงก์นั้นไปซื้อสินค้าก็จะได้รับค่าคอมมิชชันถือเป็นการตลาดที่สร้างประโยชน์ร่วมกันทั้งผู้ขาย, ผู้โปรโมต และผู้ซื้อ
ลาซาด้าชี้ ‘อีคอมเมิร์ซ’ 1 ใน 4 ค้าปลีกไทย
นางสาววาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซประเทศไทยยังเติบโตได้สวนกระแส เป็นธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ผู้บริโภคต่างมีความคาดหวังที่สูงขึ้นในทุกการใช้จ่าย การตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นไปอย่างรอบคอบ พิจารณาทั้งด้านราคา และความคุ้มค่า สอดคล้องไปกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่กว่า 50% ของยอดขายบนแพลตฟอร์มมักมาจากแคมเปญของเทศกาลเมกะเซลต่างๆ
“เราได้เห็นว่าผู้ค้ามีการเปลี่ยนผ่านจากออฟไลน์มาสู่ออนไลน์มากขึ้น ผู้บริโภคเองก็จับจ่ายมากขึ้น บ่อยขึ้น คาดว่าปีนี้อีคอมเมิร์ซจะมีสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของตลาดค้าปลีกไทย”
สำหรับสินค้ามาแรงในหมู่นักช้อปไทยช่วงที่มีแคมเปญเลขเบิ้ล พบว่ามีทั้งกลุ่มสินค้าบิวตี้ สินค้าที่เติบโตตามเทศกาล เช่น กระเป๋าเดินทาง อุปกรณ์ท่องเที่ยว รับเทศกาลเที่ยวปลายปี รวมถึงสินค้าที่ตอบโจทย์แฟนด้อมเช่นของเล่น และเกม รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับไอดอล
แกร็บ ชี้คนสั่งอาหารผ่านแอป คุมค่าใช้จ่าย
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจส่งผลทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ทว่าในส่วนของธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรียังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องสวนกระแสในระดับตัวเลขสองหลัก
สาเหตุส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผู้บริโภคพยายามควบคุมค่าใช้จ่ายไม่อยากออกไปเปลืองนอกบ้าน และเพื่อปลุกให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น ที่ผ่านมาทางแกร็บพยายามจัดทำแคมเปญการตลาดที่เน้นนำเสนอความคุ้มค่า พร้อมเพิ่มทางเลือกที่หลากหลายทั้งสำหรับสั่งมากินที่บ้าน และดีลที่สามารถใช้ได้ที่ร้าน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







