ไม่เกินเอื้อม! 'vivo Vision Discovery Edition' แว่น MR จับต้องได้

ถ้า Apple Vision Pro ยังไกลเกินเอื้อม "vivo Vision Discovery Edition" อาจเป็นคำตอบ? ส่องสเปกแว่น MR จอ 8K ที่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ
KEY
POINTS
- vivo Vision Discovery Edition เป็นแว่น MR (Mixed Reality) ที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นทางเลือกที่เข้าถึงง่ายกว่าคู่แข่ง เพื่อผลักดันให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นกระแสหลัก
- ชูจุดเด่นด้านดีไซน์ที่เน้นความเบาสบาย ด้วยน้ำหนักเพียง 398 กรัม พร้อมจอแสดงผล Dual Micro-OLED ความละเอียดสูงระดับ 8K
- ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล Snapdragon XR2+ Gen 2 เพื่อมอบประสบการณ์ที่ราบรื่น รองรับการติดตามการเคลื่อนไหวของมือและสายตาอย่างเป็นธรรมชาติ
- มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถชมภาพยนตร์ต่อเนื่องได้นานสูงสุด 3 ชั่วโมง หรือเล่นเกมได้ 2 ชั่วโมง
ในอดีต ตลาดแว่นตาอัจฉริยะถูกแบ่งขั้วอย่างชัดเจนระหว่าง Virtual Reality (VR) ที่พาเราดำดิ่งสู่โลกเสมือนจริงอย่าง Meta Quest และ Augmented Reality (AR) ที่ผสานกราฟิกเข้ากับโลกจริง แต่ MR (Mixed Reality) คือการหลอมรวมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ และ Apple Vision Pro ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งนั้นไปแล้ว
ทว่าการมาถึงของ vivo Vision Discovery Edition กำลังส่งสัญญาณว่า เทคโนโลยีสุดล้ำนี้อาจไม่จำเป็นต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงจนเกินเอื้อมอีกต่อไป นี่คือแว่น MR ที่พัฒนาโดยบริษัทสมาร์ตโฟนเจ้าแรกของจีน ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นกระแสหลักในอนาคต
ดีไซน์ที่เข้าใจสรีระและความสบาย
หลังจากที่ KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที มีโอกาสได้ทดลองเล่น vivo Vision Discovery Edition ในช่วงการพัฒนาเพื่อนำไปผลิตเป็นสินค้าจริง สิ่งแรกที่สร้างความประทับใจมากๆ คือการออกแบบที่เน้นความเบาและความสบายในการสวมใส่ ด้วยน้ำหนักเพียง 398 กรัม ทำให้มันเบากว่าคู่แข่งอย่าง Apple Vision Pro อย่างรู้สึกได้ การออกแบบที่คำนึงถึงสรีระของผู้ใช้งานเป็นหัวใจสำคัญ เพราะประสบการณ์ MR ที่ดีต้องเริ่มต้นจากความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่ ไม่ใช่ภาระที่ต้องทน แว่นรุ่นนี้จึงถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ว่าจะเพื่อความบันเทิงหรือการทำงาน
จอภาพ 8K ที่เปลี่ยนโลกทั้งใบ
หัวใจของประสบการณ์ MR คือจอแสดงผล และ vivo Vision Discovery Edition ก็มาพร้อมกับหน้าจอ Dual Micro-OLED ที่ให้ความละเอียดสูงสุดในระดับ 8K เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ให้ภาพที่คมชัดสมจริงในทุกมิติ แต่ยังให้สีสันที่แม่นยำและตรงตามจริง พร้อมทั้งช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะใช้มันเพื่อเปลี่ยนห้องนั่งเล่นให้กลายเป็นโรงภาพยนตร์ส่วนตัวขนาดมหึมา (Giant Mobile Cinema) หรือดื่มด่ำกับภาพถ่ายและวิดีโอเชิงพื้นที่ (Spatial Photos & Spatial Videos) ประสบการณ์ที่ได้จะสมจริงจนน่าทึ่ง
ขุมพลังที่เหนือกว่าเพื่อประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ
เบื้องหลังภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจคือชิปประมวลผลที่ทรงพลัง ตอนนี้ vivo เลือกใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon® XR2+ Gen 2 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกออกแบบมาเพื่ออุปกรณ์ XR โดยเฉพาะ การมีหน่วยประมวลผลที่แรงพอจะทำให้การตอบสนองของภาพ การติดตามการเคลื่อนไหวของมือและสายตา (Intuitive Hand-Eye Tracking) เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและฉับไว ลดอาการหน่วงหรือกระตุกที่อาจทำลายอรรถรสและทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยี Full-Color Passthrough ที่มีความหน่วงต่ำ (Ultra-Low Latency) ยังช่วยให้การผสานโลกจริงและโลกเสมือนเป็นไปอย่างราบรื่นและน่าเชื่อถือ
แบตเตอรี่และการใช้งานในชีวิตจริง
หนึ่งในความท้าทายของอุปกรณ์สวมใส่คือระยะเวลาการใช้งาน vivo Vision Discovery Edition มาพร้อมกับแบตเตอรี่ BlueVolt ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน โดยรับชมภาพยนตร์ต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 3 ชั่วโมง และเล่นเกมได้นานต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เพียงพอสำหรับกิจกรรมความบันเทิงส่วนใหญ่ในแต่ละวัน และบ่งบอกถึงการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพของตัวอุปกรณ์ แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้อาจดูไม่สูงมากนัก แต่ก็เป็นมาตรฐานที่ใกล้เคียงกับอุปกรณ์อื่นๆ ในตลาด และแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและระยะเวลาการใช้งาน
แม้ว่า vivo Vision Discovery Edition จะยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาและยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วโลก แต่สเปกและฟีเจอร์ที่เปิดเผยออกมาก็เพียงพอที่จะทำให้วงการต้องหันมาจับตามอง
นี่ทำให้เรารู้ว่าวงการแว่น MR ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ยักษ์ใหญ่จากฝั่งอเมริกาอีกต่อไป แต่กำลังจะมีผู้เล่นหน้าใหม่จากเอเชียที่พร้อมจะเข้ามาท้าชิงด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เพียงแค่ทรงพลัง แต่ยังมีแนวโน้มที่จะ "เข้าถึงได้" มากกว่า ซึ่งอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ผลักดันให้เทคโนโลยี MR กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนในเร็ววันนี้







