'ซิสโก้' ชี้ผู้นำสมรภูมิ AI สร้างมูลค่าธุรกิจแซงคู่แข่ง 3 เท่า

'ซิสโก้' ชี้ผู้นำสมรภูมิ AI สร้างมูลค่าธุรกิจแซงคู่แข่ง 3 เท่า

“ซิสโก้” เปิดผลการศึกษา “ดัชนีความพร้อมด้าน AI” ประจำปี 2568 ชี้องค์กรที่มีความพร้อมด้าน AI สูงสุด มีโอกาสสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้มากกว่าคู่แข่ง 3 เท่า

KEY

POINTS

  • องค์กรกลุ่มผู้นำ "Pacesetters" มีโอกาสนำโครงการ AI ไปสู่การใช้งานจริงได้สูงกว่าคู่แข่งถึง 3 เท่า และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่วัดผลได้มากกว่า 20%
  • องค์กรไทยยังเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีเพียง 52% ที่ออกแบบเครือข่ายให้ยืดหยุ่นรองรับ AI ได้
  • "ภาระหนี้โครงสร้างพื้นฐาน AI" เป็นอุปสรรคที่เกิดจากการสะสมปัญหาด้านสถาปัตยกรรมที่ไม่พร้อม การขาดแคลน GPU และความสามารถในการรวมศูนย์ข้อมูล ซึ่งจะบ่อนทำลายมูลค่าของ AI ในระยะยาว
  • ลักษณะเด่นของกลุ่มผู้นำคือการผนวก AI เป็นแกนหลักของธุรกิจ มีแผนงานและงบประมาณที่ชัดเจน และสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการเติบโต ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้พวกเขาสร้างมูลค่าได้เหนือกว่าคู่แข่ง

“ซิสโก้” เปิดผลการศึกษา “ดัชนีความพร้อมด้าน AI” ประจำปี 2568 ชี้องค์กรที่มีความพร้อมด้าน AI สูงสุด มีโอกาสสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้มากกว่าคู่แข่ง เตือนองค์กรไทยเร่งอุดช่องว่าง “โครงสร้างพื้นฐาน AI” ก่อน “ภาระหนี้เทคโนโลยี” กลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตในอนาคต

ผลการศึกษาชี้ว่า กลุ่มองค์กรที่มีความพร้อมด้าน AI หรือ “Pacesetters” มีโอกาสสูงกว่า 3 เท่าในการนำโครงการทดลอง AI สู่การใช้งานจริง และมีโอกาสมากกว่าถึง 20% ที่จะเห็นผลลัพธ์ทางธุรกิจที่วัดได้จากการใช้ AI

ขณะเดียวกัน ตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าคู่แข่งในทุกมิติของมูลค่าทางธุรกิจที่ได้รับจาก AI

วีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสโก้ ประเทศไทย และเมียนมา แสดงความเห็นว่า ผลการศึกษานี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ความพร้อมนำมาซึ่งมูลค่าที่แท้จริง” ในทุกๆ ด้าน

สำหรับองค์กรที่มีแผนนำ AI agents มาใช้งาน ความสำเร็จของพวกเขาขึ้นอยู่กับความพร้อม การมีวินัย และการลงมือทำ

2 สัญญาณเตือนคอขวด AI

ซิสโก้ เผยว่า เส้นทางการสร้างความสำเร็จ คือสร้างความสมดุลระหว่างตัวขับเคลื่อนเชิงกลยุทธ์ กับข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น เพื่อให้ก้าวทันวิวัฒนาการที่รวดเร็วของ AI

ที่ผ่านมา 98% ของกลุ่มผู้นำที่มีความพร้อมด้าน AI มักออกแบบเครือข่ายของตนให้มีความยืดหยุ่นพร้อมรับมือกับการเติบโต การขยายขนาด และความซับซ้อนของ AI ส่วนของบริษัทในประเทศไทยพบว่าทำได้เพียง 52%

ขณะที่ การผสมผสานระหว่าง วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล (Foresight) และ การวางรากฐานที่มั่นคง (Foundation) ได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นจริงและสามารถวัดผลได้

ขณะนี้ นับเป็นช่วงเวลาที่มีความท้าทายจากสองปัจจัยที่กำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ของธุรกิจคือ AI Agents ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ยกระดับมาตรฐานด้านขนาด (Scale) ความปลอดภัย (Security) และการกำกับดูแล (Governance) และ AI Infrastructure Debt ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าของคอขวดที่ซ่อนอยู่ และอาจบ่อนทำลายมูลค่า AI ในระยะยาว

‘AI agents’ ยังแรงต่อเนื่อง

ดัชนีแสดงให้เห็นว่า 98% ขององค์กรในประเทศไทยวางแผนนำ AI agents มาใช้งาน และเกือบ 31% คาดว่า AI agents จะทำงานร่วมกับพนักงานในปีหน้า

แต่สำหรับบริษัทส่วนใหญ่ AI agents ทำให้เห็นชัดว่าโครงสร้างพื้นฐานยังไม่พร้อม ระบบที่มีอยู่แทบไม่สามารถรองรับแม้แต่ AI แบบพื้นฐาน (Reactive, Task-based AI) ส่วน AI ที่ทำงานอัตโนมัติ และเรียนรู้ตลอดเวลาด้วยแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้

โดย 29% ระบุว่าเครือข่ายของตนไม่สามารถรองรับความซับซ้อน หรือปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นได้ และมีเพียง 27% ที่มองว่าเครือข่ายของตนมีความยืดหยุ่นหรือปรับตัวได้

แต่สำหรับกลุ่ม Pacesetters นั้น แนวทางที่เป็นระบบและมีวินัยทำให้พวกเขาวางรากฐานที่จำเป็นสำหรับการขยายตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว

หนีไม่พ้น ‘ภาระหนี้’ จาก AI

ที่น่าจับตามองคือ "ภาระหนี้โครงสร้างพื้นฐาน AI" (AI Infrastructure Debt) ซึ่งเป็นวิวัฒนาการล่าสุดของ "ภาระหนี้ทางเทคนิคและดิจิทัล" ที่เคยเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลมาก่อน  

ภาระหนี้ดังกล่าวเกิดจากการสะสมอย่างเงียบๆ ของการประนีประนอม การเลื่อนการอัปเกรด และสถาปัตยกรรมที่ได้รับเงินทุนไม่เพียงพอ ซึ่งจะกัดกร่อนมูลค่าของ AI เมื่อเวลาผ่านไป

ปัจจุบัน สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าบางประการได้เริ่มปรากฏให้เห็นแล้วคือ 40% คาดว่าปริมาณงานจะเพิ่มขึ้นกว่า 30% ภายใน 3 ปี, 61% ประสบปัญหาในการรวมศูนย์ข้อมูล (Centralize Data), 31% เท่านั้นที่มีความจุ GPU ที่เพียงพอ และ 42% ที่สามารถตรวจจับ หรือป้องกันภัยคุกคามเฉพาะด้าน AI ได้

สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างระหว่าง ความมุ่งมั่นด้าน AI (AI Ambition) กับ ความพร้อมในการปฏิบัติงาน (Operational Readiness) ยิ่งไปกว่านั้น หากระบบที่ขับเคลื่อน AI ขาดความปลอดภัย "ภาระหนี้" ดังกล่าวก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้น

ถึงแม้ว่ากลุ่ม Pacesetters จะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านี้ได้โดยสิ้นเชิง แต่ วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล การกำกับดูแล และระเบียบวินัยในการลงทุน จะช่วยให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงไม่ให้ปัญหาเล็กๆ ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นความเสี่ยงที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าได้

ลักษณะเด่น ‘Pacesetter’

ซิสโก้เผยว่า “Pacesetters” เป็นกลุ่มที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ มีความสามารถในการทำกำไร ผลผลิต และนวัตกรรม คิดเป็นประมาณ 21% ขององค์กรที่สำรวจในประเทศไทย และ 13% ขององค์กรทั่วโลก ซึ่งนับว่ายังมีจำนวนน้อย

สำหรับลักษณะเด่นที่คล้ายคลึงกันในกลุ่มของ Pacesetter คือ พวกเขาได้ผนวก AI เข้าเป็นแกนหลักของธุรกิจ ไม่ใช่แค่โครงการเสริม, สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการเติบโต, สามารถนำร่องโครงการไปสู่การใช้งานจริงได้สำเร็จ, วัดผลในสิ่งที่สำคัญ, และเปลี่ยนความปลอดภัยให้เป็นจุดแข็ง

พบด้วยว่า เกือบทั้งหมดของ Pacesetters (99%) มีแผนงานด้าน AI ที่ชัดเจน ในเรื่องของงบประมาณ 79% ยกให้ AI เป็นวาระสำคัญที่สุดในการลงทุน และ 96% มีกลยุทธ์การจัดหาเงินทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว

การศึกษานี้ดำเนินการมาเป็นปีที่ 3 โดยอิงจากการสำรวจแบบ double-blind กับผู้นำระดับสูงด้านไอทีและธุรกิจ 8,000 คน ที่รับผิดชอบกลยุทธ์ด้าน AI ในองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 500 คน ครอบคลุม 26 อุตสาหกรรม