ภาวุธ มอง ‘เจนนี่’ ตัวอย่างคนเข้าใจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เปลี่ยนกระแสเป็นรายได้

ภาวุธ มอง ‘เจนนี่’ ตัวอย่างคนเข้าใจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เปลี่ยนกระแสเป็นรายได้

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ Pay Solutions มองว่า ‘เจนนี่’ เป็นกรณีศึกษาของผู้ที่เข้าใจกลไกของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะอัลกอริทึมของ TikTok ที่จะช่วยผลักดันคอนเทนต์ที่สร้างยอดขายได้ดี

KEY

POINTS

  • ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ มองว่าเจนนี่เป็นกรณีศึกษาของผู้ที่เข้าใจกลไกของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะอัลกอริทึมของ TikTok ที่จะช่วยผลักดันคอนเทนต์ที่สร้างยอดขายได้ดี
  • เจนนี่สามารถเปลี่ยนกระแสและดราม่าในอดีตให้กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ โดยนำมาต่อยอดในการขายสินค้าออนไลน์จนสร้างรายได้มหาศาล
  • กลยุทธ์สำคัญคือ การไลฟ์ที่มีแขกรับเชิญชื่อดังสับเปลี่ยนตลอดเวลา เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายและกระแสเพิ่มขึ้นเป็นวงจร

เจนนี่” หรือ “รัชนก สุวรรณเกตุ” กลับมาปรากฏอยู่บนทุกแพลตฟอร์มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเพลง หรือดราม่าจากในอดีต เพราะสิ่งที่คนพูดถึงคือ “ยอดขาย” เพราะแค่การไลฟ์ขายของไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถสร้างรายได้หลักร้อยล้านบาทได้ภายในเวลาไม่นานจนกลายเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่สุดในวงการอีคอมเมิร์ซไทยตอนนี้

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ Pay Solutions และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอีคอมเมิร์ซ เปิดมุมมองกับกรุงเทพธุรกิจต่อปรากฏการณ์เจนนี่ว่า เป็นกรณีศึกษาสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มออนไลน์ในการสร้างรายได้อย่างมหาศาล แม้ในระยะเวลาอันสั้น หากผู้ใช้งานเข้าใจเทคนิคและระบบของแพลตฟอร์มอย่างถูกวิธี

“เจนนี่เป็นกระแสที่ทำให้คนไทยหลายคนหันมาตระหนักว่า ช่องทางออนไลน์สามารถสร้างรายได้จำนวนมากได้จริง แม้จะใช้เวลาเพียงไม่นาน หากคุณรู้เทคนิคและเข้าใจระบบ ก็สามารถทำรายได้ระดับร้อยล้านได้ไม่ยาก แต่สิ่งสำคัญคือต้องเรียนรู้ให้เข้าใจว่ากระบวนการเบื้องหลังมันคืออะไร” ภาวุธกล่าว

เขาระบุว่า เจนนี่ถือเป็นตัวอย่างของคนที่สามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้อย่างชัดเจน เพราะจากเดิมที่มีประเด็นดราม่าในโลกออนไลน์ กลับนำกระแสนั้นมาต่อยอดให้เกิดการพูดถึงในบริบทใหม่ คือการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจขึ้นมาได้ในทันที

ภาวุธอธิบายว่า ปัจจุบันแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง TikTok, Shopee และ Lazada มีอิทธิพลสูงในตลาด เนื่องจากมีรายได้จากการที่ผู้ใช้งานเข้ามาซื้อสินค้าโดยตรง โดยเฉพาะ TikTok ที่มีอัลกอริทึมคัดเลือกและผลักดันคอนเทนต์ที่สร้างยอดขายได้ดีให้เข้าถึงผู้ชมในวงกว้างมากขึ้น

“ถ้าคลิปไหนขายดี คนดูเยอะ ระบบของ TikTok จะเห็นข้อมูลแบบเรียลไทม์ และเริ่มขยายการเข้าถึงให้กว้างขึ้นทันที เพราะยิ่งมีคนซื้อเยอะ แพลตฟอร์มก็ยิ่งได้รายได้มากขึ้น ดังนั้น หากคลิปหนึ่งมีคนซื้อสินค้าจำนวนมาก TikTok ก็จะส่งคนดูเพิ่มเติมให้กับคลิปนั้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเราถึงเห็นคลิปของเจนนี่เต็มฟีด เพราะแพลตฟอร์มตั้งใจผลักดันเนื้อหาที่ขายได้ดี” ภาวุธอธิบาย

นอกจากอัลกอริทึมแล้ว อีกหนึ่งจุดที่ภาวุธมองว่าเป็น “หมัดเด็ด” คือ กลยุทธ์การไลฟ์แบบมีแขกรับเชิญผลัดเปลี่ยนทุก 5 นาที โดยไม่ปล่อยให้ผู้ชมเบื่อ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจนนี่สามารถรักษาฐานผู้ชมได้อย่างต่อเนื่อง 

“ถ้าเป็นดาราคนเดียวพูดตลอดชั่วโมง คนจะดูแค่ช่วงสั้นๆ แล้วก็ออก แต่พอมีการเปลี่ยนแขกรับเชิญทุกไม่กี่นาที เช่น อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ เข้ามาในไลฟ์ คนก็อยากอยู่ต่อ รอดูว่าใครจะมาคนต่อไป พอมีดาราใหม่เข้ามา ยอดขายก็พุ่งขึ้นทันที TikTok ก็เททราฟฟิกเข้าให้เต็มที่ กลายเป็นวงจรที่หนุนให้ยอดขายและกระแสเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

อย่างไรก็ตาม ภาวุธยอมรับว่า ปรากฏการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อร้านค้าอื่นๆ ที่ขายบนแพลตฟอร์มเดียวกัน เพราะจำนวนผู้ชมและยอดซื้อส่วนใหญ่ถูกดึงไปที่ช่องของเจนนี่

“ก่อนหน้านี้คนดูอาจมีเท่าเดิม แต่ตอนนี้ถูกเทเข้ามาที่เจนนี่หมด ทำให้ร้านอื่นขายไม่ได้ ซึ่งเป็นภาพสะท้อนว่าพลังของคอนเทนต์และกลยุทธ์การตลาดออนไลน์มีอิทธิพลสูงมากในยุคนี้” ภาวุธกล่าวเสริม

เขาทิ้งท้ายว่า ปรากฏการณ์นี้สามารถกลายเป็น “สูตรสำเร็จ” ให้ผู้ประกอบการรายอื่นเรียนรู้และต่อยอดได้ หากมีความเข้าใจในกลไกของแพลตฟอร์ม และมี “ครู” หรือที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์มากพอ