ทรู ปิดจ็อบ "One Network" รวมเสากับดีแทคเสร็จแล้ว! ชูอัปเกรดสปีด 5G เร็วขึ้นสุด 4.39 เท่า

ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ในโครงการ “One Network” รวมเสาสัญญาณทรูและดีแทคสำเร็จครบทั่วประเทศ กลายเป็นเครือข่ายที่มีจำนวนเสามากที่สุดในอาเซียน พร้อมเดินหน้า ปรับโฉมคุณภาพสัญญาณ 5G และ 4G ให้เร็ว แรง และครอบคลุมมากยิ่งขึ้นทั่วไทย
KEY
POINTS
- ทรูและดีแทคควบรวมโครงข่าย "One Network" สำเร็จแล้ว
- อัปเกรดความเร็ว 5G ทำให้ลูกค้าดีแทคเร็วขึ้น 4.39 เท่า และทรูเร็วขึ้น 1.09 เท่า
- ใช้เทคโนโลยี Spectrum Pooling รวมคลื่นความถี่ ทำให้สัญญาณแรงและเร็วขึ้น
- ขยายพื้นที่ให้บริการ 5G และ 4G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น
- ลดจำนวนเสาซ้ำซ้อนและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความยั่งยืน
ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นี่คือก้าวสำคัญของทรูและดีแทคในการสร้างเครือข่ายระดับภูมิภาค เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และสร้างคุณค่าให้ผู้ถือหุ้น ความสำเร็จนี้เกิดจากความทุ่มเทของทีมวิศวกรและพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลกที่ร่วมกันพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ตลอด 2 ปีครึ่งของการดำเนินโครงการ ทีมวิศวกรและช่างเทคนิคกว่า 3,650 คน ทำงานรวมกว่า 17 ล้านชั่วโมง ปีนเสาสัญญาณทั่วประเทศรวมระยะทางแนวดิ่งกว่า 2,000 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายให้เป็นหนึ่งเดียว
“One Network” เสริมพลังโครงข่ายให้ทันสมัย
โดยหัวใจของโครงการคือการปรับโครงสร้างสัญญาณให้ทันสมัย (Network Modernization) โดยคัดเลือกเสาสัญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและรวมทรัพยากรทั้งสองเครือข่ายให้รองรับการใช้งานในอนาคต พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการ 5G และ 4G ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังเสริมศักยภาพด้วยเทคโนโลยี “Spectrum Pooling” ผสานคลื่นความถี่ของทรูและดีแทคให้กลายเป็นเครือข่ายเดียวกัน ทำให้ลูกค้าทั้งสองแบรนด์ใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ ได้สัญญาณแข็งแรงขึ้น ความเร็วสูงขึ้น และประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ
ทรูยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้า ผ่านโซลูชัน True CyberSafe ที่ใช้เทคโนโลยี AI ตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์ เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมต่ออย่างมั่นใจในโลกดิจิทัล
“Power Up” ความเร็วแรงระดับอาเซียน
โครงการ “One Network” ทำให้เครือข่าย 5G ของทรูและดีแทคมีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยลูกค้าดีแทคได้ความเร็วสูงขึ้น 4.39 เท่า ส่วนลูกค้าทรูเพิ่มขึ้น 1.09 เท่า สะท้อนถึงศักยภาพเครือข่ายที่ก้าวกระโดดทั้งด้านความเร็วและความครอบคลุม
โดยเฉพาะคลื่น 2600 MHz ที่ถูกอัปเกรดให้รองรับการใช้งาน 5G เต็มแบนด์ 90 MHz ทำให้ลูกค้าดีแทคสัมผัสความเร็วสูงกว่าเดิมอย่างชัดเจน ส่วนลูกค้าทรูได้รับประสบการณ์ 4G ที่แรงขึ้นบนคลื่น 2300 MHz
ทรูยังเตรียมนำเทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) มาใช้ เพื่อให้คลื่นความถี่ 2600 MHz สามารถใช้งานร่วมกันระหว่าง 4G และ 5G ได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมวางแผนเพิ่มความจุการรับ-ส่งข้อมูลด้วยคลื่น 2300 MHz และ 1500 MHz เพื่อรองรับบริการยุคใหม่ที่รวดเร็วและเสถียรมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เครือข่ายทันสมัยที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากประสิทธิภาพที่เหนือกว่าแล้ว โครงการนี้ยังตอบโจทย์ความยั่งยืนด้วยการลดจำนวนเสาซ้ำซ้อน และใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าผ่านเทคโนโลยี AI และ Machine Learning ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 15–20% สนับสนุนเป้าหมายของทรูในการมุ่งสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573
ทั้งนี้ สถาบัน nPerf ยังจัดอันดับให้ True 5G เป็นเครือข่ายที่ดีที่สุดในประเทศไทย 9 ปีซ้อนโดยโดดเด่นด้านความเร็วอัปโหลดและค่า Latency ต่ำที่สุด เมื่อรวมกับจุดแข็งของดีแทคในด้านคุณภาพการใช้งานจริง (Quality of Experience) ทั้งการท่องเว็บและสตรีมมิ่ง ยิ่งทำให้ลูกค้าทั้งสองแบรนด์ได้รับประสบการณ์การสื่อสารที่ดีที่สุดในประเทศ
“One Network” ไม่เพียงเป็นการควบรวมทางเทคนิค แต่เป็นการสร้างอนาคตใหม่ให้วงการโทรคมนาคมไทย ด้วยเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม ปลอดภัย และยั่งยืน เพื่อลูกค้า







