‘เอดับบลิวเอส’ ชี้ ‘Agentic AI’ คลื่นเทคโนโลยีใหม่ พลิกเกมโลกธุรกิจ

“เอดับบลิวเอส” มอง “Agentic AI” คลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่พลิกเกมธุรกิจใน 3 ปี ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของมนุษย์ แต่จะก้าวขึ้นเป็น “ผู้บุกเบิกนวัตกรรม” เปลี่ยนโฉมกระบวนการทำงาน และโมเดลธุรกิจทั่วโลก
KEY
POINTS
- ใน 2-3 ปีข้างหน้า Agentic AI จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อโลกธุรกิจ
- Sense, Think, และ Act คือ 3 เรื่องที่สำคัญที่สุดของ AI Agent
- ต่อไปมีแนวโน้มที่จะเกิดโมเดล 'AI Agent as-a-Service' ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความต้องการของแต่ละอุตสาหกรรม
- AWS ชี้ 3 ความท้าทายหลักของธุรกิจไทยในการนำ AI มาใช้ ได้แก่ การขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะ, ต้นทุนการลงทุนที่สูง และประเด็นด้านการกำกับดูแล
- คำแนะนำสำหรับธุรกิจคือให้เริ่มต้นจากการระบุปัญหาที่ต้องการแก้ไข, ให้ความสำคัญกับคุณภาพของข้อมูล, เริ่มต้นจากโครงการเล็กๆ และส่งเสริมการพัฒนาทักษะของพนักงาน
วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส ในเครือ Amazon.com เปิดมุมมองบนเวที Thailand Economic Outlook 2026 : Out of the Trap หัวข้อ Special Talk : Agentic AI : Unlocking Thailand’s Competitiveness ว่า ช่วง 2-3 ปีจากนี้ Agentic AI จะมีบทบาทอย่างมากต่อโลกธุรกิจ การทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตของผู้คน
Artificial General Intelligence (AGI) หรือ Super Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดเทียบเท่าหรือเหนือกว่ามนุษย์อาจจะดูเป็นเรื่องที่ไกลตัว นักคิด และผู้บุกเบิกในวงการ AI ระดับโลกอย่าง แอนดรูว์ อึ้งได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า AGI อาจยังเป็นเรื่องของอนาคต แต่สิ่งที่องค์กรควรจับตาดูอย่างเร่งด่วนคือ Agentic AI
เมื่อปี 2567 ได้เห็นว่าเป็นยุคที่ GenAI ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของมนุษย์ มาถึงปี 2568 นี้กลายเป็นผู้ร่วมงาน ส่วนอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะกลายเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ส่วนบทบาทของมนุษย์เป็นผู้สนับสนุนของการพัฒนา
ปัจจุบันมีการนำ Agentic AI ไปใช้งานในหลากหลายมิติ ที่น่าสนใจ เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันที่สามารถลดเวลาที่ต้องใช้คนทำงานลงไปได้ถึง 4,500 ปี และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 260 ล้านดอลลาร์
‘AI Agent as-a-Service’ มาแน่!
จากข้อมูลของ Accenture พบว่าในปีนี้ พนักงาน 700,000 คน จากเกือบ 800,000 คนทั่วโลก จะต้องเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับ Agentic AI โดยใน 2-3 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่างานต่างๆ 15% ถึง 30% จะมาจากการทำงานของผู้ช่วยหรือ Agent
AI Agent คืออะไร : AI Agent คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่สามารถ :
- มีความรู้สึก (Sense)
- มีความสามารถในการคิด (Think)
- มีความสามารถในการกระทำ (Act)
กล่าวได้ว่า Sense, Think, และ Act คือ 3 เรื่องที่สำคัญที่สุดของ AI Agent ต่อไปคอนเซปต์ที่จะเกิดขึ้นตามมาคือ โมเดล AI Agent as-a-Service ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความต้องการของในแต่อุตสาหกรรม
การสำรวจโดยเอดับบลิวเอสพบว่า การใช้ AI ในไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีธุรกิจ 150,000 รายนำ AI มาใช้ในปี 2567 หรือเฉลี่ยเกือบทุก 3 นาทีที่จะมีธุรกิจใหม่นำ AI มาใช้ ที่น่าสนใจพบด้วยว่า ประเทศไทยมีการเติบโตของการใช้งาน ChatGPT เกือบ 3 เท่า
โดยอัตราการนำ AI มาใช้เพิ่มขึ้นเป็น 32% จากเดิม 24% เมื่อปีก่อน ธุรกิจที่นำ AI มาใช้แล้วเห็นประโยชน์คือ 67% มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มผลผลิต และประสิทธิภาพ และ 81% มีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น
ส่วนผลลัพธ์จากการใช้ AI ช่วยให้ธุรกิจสามารถยกระดับการบริการลูกค้า และความสัมพันธ์ (44%), ลงทุนในการฝึกอบรมพนักงาน (38%), พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ (35%)
‘3 ความท้าทาย’ ธุรกิจต้องเผชิญ
เอดับบลิวเอส ชี้ว่า “3 ประเด็นความท้าทาย” ที่ธุรกิจกำลังเผชิญในเส้นทางการพัฒนาด้าน AI ของประเทศไทย ประกอบด้วย บุคลากร เงินลงทุน และการกำกับดูแล โจทย์ใหญ่ของทุกองค์กรท่ีต้องหาคำตอบให้ได้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ AI สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ
จากการสำรวจ 47% ของธุรกิจรายงานว่า ช่องว่างด้านทักษะ เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถนำ AI มาใช้หรือขยายการใช้งานได้, 34% ของพนักงานได้รับการฝึกอบรมด้านดิจิทัลในปีที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น
ขณะที่ 38% ของธุรกิจกล่าวว่า ต้นทุนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำ AI มาใช้ 27% ของการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีของธุรกิจไทยถูกจัดสรรให้กับ ค่าใช้จ่ายด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance-related costs) และ 76% ของธุรกิจคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นใน 3 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ 67% ของธุรกิจบอกว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะนำ AI มาใช้ และขยายการใช้งานมากขึ้นเมื่อภาครัฐเป็นผู้นำ และ 33% ของธุรกิจเป็นกังวลว่ากฎระเบียบเกี่ยวกับ AI อาจทำให้ นวัตกรรมและการนำ AI มาใช้ช้าลง
เจาะเส้นทาง ‘การพัฒนา AI’
วัตสันให้ข้อมูลว่า โดยภาพรวมการใช้งาน AI ในประเทศไทยยังเป็นเพียง "ขั้นพื้นฐาน" เช่นแปลภาษาหรือดูดวงซึ่งอาจไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจมากนัก ฉะนั้นหากต้องการปลดล็อกศักยภาพของประเทศจำต้องมีการยกระดับนำไปใช้ในระดับสูงมากขึ้น
สำหรับเส้นทางสู่การนำ AI ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมีหลายองค์ประกอบ เริ่มต้นจากปัญหา สิ่งแรกที่ต้องทำคือ การรู้ถึงปัญหาที่จะนำ AI ไปแก้ ไม่ใช่การตั้งต้นจากการอยากใช้ AI โดยไม่ทราบปัญหา
อีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญอย่างมากคือ “ข้อมูล” ที่เป็นหัวใจสำคัญ เพราะหากปราศจากข้อมูลที่ดี ผลลัพธ์ที่ AI ตอบกลับมาผิดพลาดหรือไม่สมบูรณ์ เรื่องของข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่จะล้อไปกับการพัฒนาเรื่อง AI เสมอ
การเริ่มต้นในเส้นทาง AI นั้นไม่จำเป็นต้องคิดให้ใหญ่เกินไป แต่ควรคิดให้พอดี และลงมือทำทันที พร้อมที่จะผิดพลาด และเดินหน้าทดสอบแนวคิด (Proof of Concept) สุดท้ายผู้ที่ประสบความสำเร็จคือผู้ที่สามารถขยายการใช้งาน (Scale) ไปได้เร็วที่สุด
เตรียมความพร้อมปูทางรับอนาคต :
- ผู้บริหารระดับสูงควรทดลองใช้ AI ที่เกี่ยวข้องกับงานโดยตรง
- ปัจจุบันมีเครื่องมือที่พร้อมให้ผู้ที่ไม่ต้องรู้เรื่องโปรแกรม สามารถสร้าง AI Agent ได้ (Low-code/No-code)
- ทุกองค์กรจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับข้อมูล (Data) มากขึ้น
- สิ่งสำคัญที่สุดคือ Mindset และการสนับสนุนให้พนักงานในองค์กรมีความสามารถ
- สำหรับเยาวชน ทักษะที่สำคัญในอนาคตไม่ได้อยู่ที่การเรียนรู้เทคนิคเฉพาะทางที่อาจจะล้าหลัง แต่คือ การตั้งคำถามที่ดี ความคิดสร้างสรรค์ และ Digital Literacy
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







