“ไชยชนก” ขับเคลื่อนดีอีรับมือภัย 4 ด้าน ผนึกทุกภาคส่วนเร่งช่วยประชาชน

รมว.ดีอี แถลงนโยบาย “Quick Win” เร่งบูรณาการเทคโนโลยี และข้อมูลรับมือภัยธรรมชาติ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม ย้ำแนวทางบริหารโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัล ลดผลกระทบต่อประชาชน และประเทศอย่างยั่งยืน
KEY
POINTS
- นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี ประกาศนโยบายเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อบูรณาการเทคโนโลยีรับมือภัย 4 ด้าน ได้แก่ ภัยธรรมชาติ, ภัยความมั่นคง, ภัยเศรษฐกิจ และภัยสังคม โดยผนึกความร่วมมือทุกภาคส่วน
- ด้านภัยธรรมชาติ จะใช้ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา และดาวเทียมพัฒนาระบบเตือนภัยให้แม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมดูแลความพร้อมของโครงข่ายโทรคมนาคม
- ด้านความมั่นคง จะสร้างความรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ให้ประชาชน และใช้เทคโนโลยี เช่น โดรน เสริมการป้องกันชายแดนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง
- ด้านเศรษฐกิจ จะสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัล และกำกับดูแลแพลตฟอร์มขนาดใหญ่เพื่อสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรมและปกป้องผู้บริโภค
- ด้านสังคม จะส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีและ AI เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์อย่างเข้มข้น
นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงนโยบายขับเคลื่อนกระทรวงดีอีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 โดยมี นายพชร อนันตศิลป์ ปลัดกระทรวงดีอี คณะผู้บริหาร และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดร่วมรับฟัง ณ ห้องประชุมกระทรวงดีอี ศูนย์ราชการฯ อาคารซี ถนนแจ้งวัฒนะ
รมว.ดีอี กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา กระทรวงดีอีได้เร่งจัดทำนโยบาย “Quick Win” เพื่อขับเคลื่อนการทำงานตามแนวทางรัฐบาล โดยกำหนดภารกิจเร่งด่วนในการบูรณาการข้อมูล และเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบจากภัย 4 ด้าน
- ภัยธรรมชาติ
- ภัยความมั่นคง
- ภัยเศรษฐกิจ
- ภัยสังคม
รับมือภัยธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีข้อมูล และการสื่อสาร
นายไชยชนก ระบุว่า กระทรวงดีอีจะบูรณาการข้อมูลอุตุนิยมวิทยาและเทคโนโลยีดาวเทียมร่วมกับหน่วยงานรัฐ เอกชน และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบเตือนภัยพิบัติที่แม่นยำขึ้น รวมถึงวางแผนป้องกันและเยียวยาความเสียหายได้ทันท่วงที พร้อมเพิ่มช่องทางการสื่อสารให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลเตือนภัยได้ทุกระดับ และติดตามความพร้อมของโครงข่ายโทรคมนาคมในช่วงเกิดภัยพิบัติ
ยกระดับความมั่นคงดิจิทัล ป้องกันภัยไซเบอร์ และชายแดน
ด้านภัยความมั่นคง กระทรวงดีอีจะเร่งสร้างความรู้เท่าทันเทคโนโลยี และภัยอาชญากรรมไซเบอร์ให้แก่ประชาชน รวมทั้งบูรณาการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อใช้เทคโนโลยีเสริมการป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น การใช้โดรน และการพัฒนาความร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมในการจัดการสัญญาณสื่อสารแนวชายแดน สนับสนุนนโยบายของนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มรูปแบบ
ลดผลกระทบเศรษฐกิจ-ดันแพลตฟอร์มแข่งขันเท่าเทียม
สำหรับภัยทางเศรษฐกิจ รมว.ดีอี ระบุว่า หน่วยงานในสังกัดจะเร่งสนับสนุนผู้ประกอบการดิจิทัลให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการกำกับดูแลแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ในการปรับลดค่า GP เพื่อสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม และรักษาสมดุลระหว่างผู้บริโภค และผู้ให้บริการ โดยคำนึงถึงมาตรฐานความปลอดภัยในระบบดิจิทัล
สร้างภูมิคุ้มกันสังคมดิจิทัลด้วย AI และการเข้าถึงเทคโนโลยี
ในด้านภัยทางสังคม กระทรวงดีอีจะขับเคลื่อนการเข้าถึงเทคโนโลยีพื้นฐาน ทั้งอินเทอร์เน็ต และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อส่งเสริมความรู้ด้าน AI Literacy ให้ประชาชนเข้าใจ และใช้อย่างปลอดภัย ลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล และยกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ยังเน้นมาตรการเข้มปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ โดยบูรณาการทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชน เพื่อป้องกันความเสียหายเชิงระบบ
“ขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญภัยทั้ง 4 ด้าน และรัฐบาลมีเวลาทำงานเพียง 4 เดือน ทุกหน่วยงานจึงต้องเห็นปัญหาร่วมกัน และเดินหน้าแก้ไขอย่างเป็นหนึ่งเดียว กระทรวงดีอีจะเป็นกลไกหลักในการวางรากฐานเทคโนโลยีที่มั่นคง และยั่งยืน โดยยึดหลักความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และทำงานบนแนวทางการบูรณาการ เพื่อพาประเทศ และประชาชนก้าวผ่านวิกฤติไปด้วยกัน” นายไชยชนก กล่าวทิ้งท้าย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






