ตุรกีแชมป์ iPhone แพงสุด! ไทยท้ายตารางสาวก Apple จ่ายน้อย

เปิดดัชนีราคา iPhone ทั่วโลก! ทำไมตุรกีครองแชมป์แพงสุด? ส่องราคาในไทยที่ทำให้สาวก Apple ต้องยิ้ม เพราะเราอยู่ในกลุ่มที่จ่ายน้อยกว่าที่คิด
KEY
POINTS
- ตุรกีครองตำแหน่งประเทศที่ขาย iPhone แพงที่สุดในโลก เนื่องจากกำแพงภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยที่สูงเกือบสองเท่าของราคาเครื่อง
- ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคา iPhone ทั่วโลกแตกต่างกันอย่างสุดขั้วคือโครงสร้างภาษี, อากรนำเข้า และอัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละประเทศ
- ประเทศไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่จำหน่าย iPhone ในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วโลก ถือเป็นข่าวดีของสาวก Apple ชาวไทย
เคยสงสัยไหมว่าทำไมสมาร์ตโฟนเรือธงอย่าง iPhone ที่เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก ถึงมีป้ายราคาที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหวในแต่ละประเทศ? คำถามที่ว่า "ซื้อ iPhone ที่ไหนถูกที่สุด" กลายเป็นหัวข้อสนทนาสุดคลาสสิกของเหล่าสาวก Apple ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ และมันไม่ใช่แค่เรื่องของค่าเงินที่ผันผวน แต่มีปัจจัยลึกลับซับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลัง ที่ทำให้บางประเทศต้องจ่ายแพงจนน่าตกใจ ขณะที่บางประเทศกลับได้ครอบครองในราคาที่ยิ้มออก
คำตอบของเรื่องนี้ซ่อนอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า "ดัชนีราคา iPhone" (iPhone Price Index) ซึ่งเป็นการสำรวจและจัดอันดับราคา iPhone ในแต่ละประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นภาพรวมของเศรษฐกิจ ภาษี และกำลังซื้อที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ในสมรภูมิราคานี้ มีทั้งประเทศที่ครองบัลลังก์แชมป์ราคาแพงสุดโหด และประเทศที่อยู่ท้ายตารางซึ่งผู้บริโภคจ่ายน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด และข่าวดีก็คือ ประเทศไทยของเราอยู่ในจุดที่น่าสนใจมาก มาเจาะลึกกันว่าเกิดอะไรขึ้นบนแผนที่ราคา iPhone โลก และทำไมสาวก Apple ชาวไทยถึงอาจเป็นหนึ่งในผู้โชคดี
‘ตุรกี’ แชมป์ iPhone แพงสุดในโลก
เมื่อพูดถึงประเทศที่ราคา iPhone แพงที่สุดในโลก ชื่อของ ตุรกี คือแชมป์ที่นอนมาแบบม้วนเดียวจบแบบไม่มีใครเทียบได้ จากข้อมูลล่าสุดของ iPhone Price Index ในปี 2025 พบว่าการจะเป็นเจ้าของ iPhone 16 Pro ในตุรกีนั้นต้องควักกระเป๋าจ่ายสูงถึง 2,182 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 80,000 บาท! ราคานี้สูงกว่าราคาในสหรัฐอเมริกาเกือบสองเท่าตัวเลยทีเดียว
สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาพุ่งทะยานไปไกลขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะ Apple ตั้งใจจะขายแพง แต่เป็นเพราะกำแพงภาษีมหาศาลที่รัฐบาลตุรกีกำหนดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย (Luxury Goods Tax) ที่สูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และอากรนำเข้าอื่นๆ อีกจิปาถะ เมื่อรวมร่างกันแล้วจึงเกิดเป็นป้ายราคาที่ทำให้แม้แต่แฟนพันธุ์แท้ของ Apple ก็อาจจะต้องคิดหนัก ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่านโยบายภาษีของแต่ละประเทศคือตัวแปรสำคัญที่สุดที่กำหนดชะตากรรมราคาของแกดเจ็ตในฝันของเรา
แล้วประเทศไหนจ่ายถูกสุด?
ในอีกฟากหนึ่งของสเกล ประเทศที่ได้ชื่อว่าซื้อ iPhone ได้ในราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์มากที่สุดอาจทำให้หลายคนประหลาดใจ เพราะไม่ใช่สหรัฐอเมริกาที่เป็นบ้านเกิดของ Apple เสมอไป แต่เป็น เกาหลีใต้ ที่ซื้อ iPhone ได้ในราคาประมาณ 1,063 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถูกกว่าในสหรัฐฯ เล็กน้อยด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง ที่มักจะติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่ราคา iPhone สบายกระเป๋าอยู่เสมอ
เหตุผลที่ทำให้ประเทศเหล่านี้รักษาระดับราคาที่ต่ำไว้ได้ มาจากการแข่งขันในตลาดที่สูงมาก รวมถึงโครงสร้างภาษีที่ไม่ซับซ้อนและไม่สูงเท่าประเทศอื่นๆ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงนวัตกรรมจาก Apple ได้โดยไม่ต้องเผชิญกับภาระด้านราคาที่หนักหน่วงเกินไปนัก นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าตลาดที่มีการแข่งขันสูงและนโยบายภาษีที่เป็นธรรมจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคโดยตรง
ไทยอยู่ตรงไหน? สาวก Apple ยิ้มได้จริงหรือ
มาถึงคำถามสำคัญ แล้วประเทศไทยของเราอยู่จุดไหนบนแผนที่นี้? ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ไทยจัดอยู่ในกลุ่มประเทศ "ท้ายตาราง" ซึ่งในที่นี้เป็นข่าวดี เพราะหมายถึงเราเป็นหนึ่งในประเทศที่ราคา iPhone ไม่ได้แพงลิบลิ่วเหมือนกลุ่มหัวตาราง แม้จะไม่ใช่ประเทศที่ถูกที่สุดในโลก แต่เมื่อเทียบกับหลายสิบประเทศทั่วโลกแล้ว ราคา iPhone ในประเทศไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลและเข้าถึงง่ายกว่ามาก
ปัจจัยสำคัญคือโครงสร้างภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของไทยที่ 7 เปอร์เซ็นต์ นั้นอยู่ในระดับที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในยุโรปหรืออเมริกาใต้ที่อาจสูงถึง 20-25 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ราคาสุทธิของ iPhone ในไทยไม่ถูกบวกเพิ่มไปจนน่าตกใจ ดังนั้นการที่บอกว่า "สาวก Apple ชาวไทยจ่ายน้อย" จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยเมื่อเรามองภาพรวมในระดับโลก แม้จะต้องเผชิญกับการแข่งขันแย่งชิงเครื่องในวันแรกๆ แต่ในท้ายที่สุด เราก็ยังได้ครอบครองนวัตกรรมระดับโลกในราคาที่ไม่ต้องเจ็บตัวเท่าแฟนๆ ในอีกหลายประเทศทั่วโลก
(ข้อมูลจาก visualcapitalist)







