ลิขสิทธิ์และความรับผิดจากงานที่สร้างโดย AI

ลิขสิทธิ์และความรับผิดจากงานที่สร้างโดย AI

ลิขสิทธิ์ของงานที่สร้างโดย AI ...ปัจจุบันเป็นยุคที่ประกอบธุรกิจการค้าหรืออุตสาหกรรม หรือประชาชนทั่วไป ใช้ AI หรือ Artificial Intelligence หรือที่เรียกเป็นภาษาไทยว่าปัญญาประดิษฐ์ในการช่วยทำงานต่างฯหลายรูปแบบ

ถ้างานที่ให้ AI ช่วยสร้างขึ้น เป็นงาน วรรณกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ นาฏกรรม หรือศิลปกรรม อันเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ ก็มีข้อพิจารณาว่าผู้ใดเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานที่ AI สร้างขึ้น

เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติของพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 คำนิยามในมาตรา 4 คือ “ผู้สร้างสรรค์” หมายความว่า ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัตินี้ “ลิขสิทธิ์” หมายความว่า สิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการใด ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ทำขึ้น

จากคำนิยามข้างต้นพิจารณาได้ว่า ผู้สร้างสรรค์และเป็นผู้มีสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะทำการใดๆ ในงานอันมีลิขสิทธิ์ ต้องเป็นบุคคล ดังนั้น โดยที่ AI ไม่มีสถานะเป็นบุคคล งานทั้งหลายที่สร้างขึ้นโดย AI โดยลำพัง จึงไม่เข้าข่ายเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ และไม่มีผู้ใดเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้น

เว้นแต่จะมีมนุษย์เข้าไปมีส่วนสร้างสรรค์งานนั้นแม้เพียงส่วนใดส่วนหนึ่งเพียงบางส่วน ซึ่งจะมีประเด็นที่ต้องพิจารณาตามมา ว่ามนุษย์ที่เข้าไปมีส่วนร่วมกับ AI สร้างงานนั้นขึ้นมาเป็นผู้มีลิขสิทธิ์ในงานนั้นแค่ไหนเพียงใด 

ปัจจุบันยังไม่มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกาในเรื่องที่จะถือเป็นบรรทัดฐานได้ทั้งกรณีงานที่สร้างขึ้นโดย AI ทั้งหมดและที่มีมนุษย์เข้าไปมีส่วนร่วมกับ AI สร้างขึ้น ศาลในต่างประเทศหลายประเทศก็ถือหลักว่า งานที่สร้างขึ้นโดย AI โดยลำพังไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์

ตัวอย่างเช่น คดีที่ Stephen Thaler นักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์ ได้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ เรียกว่า Creativity Machine และได้ใช้ Creativity Machine สร้างภาพวาดชื่อ “A Recent Entrance to Paradise”

และไปขอขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์ภาพวาดดังกล่าวต่อ หน่วยงานลิขสิทธิ์ของสหรัฐอเมริกา แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าตามกฎหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐ งานศิลปะที่จะได้รับการคุ้มครองต้องสร้างสรรค์โดยมนุษย์

ในปี 2565 Thaler ยื่นฟ้องนายทะเบียนผู้ปฏิเสธไม่รับขึ้นทะเบียนต่อศาลแขวงสหรัฐแห่ง District of Columbia เดือนสิงหาคม 2566 ศาลพิพากษายกฟ้องด้วยเหตุผลว่าผลงานสร้างสรรค์ที่จะได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ต้องเป็นงานที่สร้างโดยมนุษย์ ต่อมา Thaler ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ D.C.Circuit ในเดือนมีนาคม 2568 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

๐ งานที่สร้างโดย AI ละเมิดลิขสิทธิ์หรือเป็นข้อความหมิ่นประมาทตามกฎหมายไทย

ความรับผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ : เนื่องจาก AI ไม่มีสถานะเป็นบุคคล จึงไม่ต้องรับผิด มีปัญหาที่ต้องพิจารณาคือผู้ที่ป้อนคำสั่งหรือสร้างคำสั่งให้ AI สร้างงานที่ปรากฏว่าละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นต้องรับผิดเพียงใด รวมทั้งผู้พัฒนา AI นั้นต้องรับผิดด้วยหรือไม่

แต่ถ้าผู้ป้อนคำสั่งหรือสร้างคำสั่งให้ AI สร้างงานที่มีปัญหา ได้นำงานที่ละเมิดสิทธิ์นั้นไปใช้หรือเผยแพร่ก็ย่อมต้องรับผิดตามที่กฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์บัญญัติไว้ เว้นแต่จะเป็นกรณีที่ได้รับการยกเว้นตามข้อยกเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ และการใช้ลิขสิทธิ์ในพฤติการณ์พิเศษตามบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์

ความรับผิดในกรณีหมิ่นประมาท : ถ้างานที่ AI สร้างขึ้นเป็นข้อความเท็จหรือเป็นข้อความที่หมิ่นประมาทบุคคลอื่น โดยที่ AI ไม่มีสถานะเป็นบุคคล จึงไม่ต้องรับผิด แต่ถ้าผู้ป้อนคำสั่งหรือผู้สร้างคำสั่งให้ AI สร้างข้อความที่เป็นเท็จหรือหมิ่นประมาท ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย หรือนำข้อความนั้นไปเผยแพร่ก็อาจต้องรับผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 

ถ้าเข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทก็ต้องรับผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ส่วนผู้พัฒนาระบบAI ยังไม่มีความชัดเจนทางข้อกฎหมายว่าต้องรับผิดจากการที่ AI สร้างข้อความที่เป็นเท็จหรือหมิ่นประมาทอย่างไรหรือไม่

๐ คดีในต่างประเทศกรณี AI สร้างงานที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

ในสหรัฐอเมริกามีการฟ้องร้องว่า งานที่สร้างหรือใช้โดย AI เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์มากมายหลายคดี เนื่องจาก AI ไม่มีสถานะเป็นบุคคล จึงไม่ต้องรับผิด แต่ผู้ที่ถูกฟ้องให้ต้องรับผิดคือ ผู้พัฒนาระบบ AI ที่สร้างงานที่ละเมิดสิทธิ์

คดี Concord Music Group ฟ้อง Anthropic จำเลยเป็นผู้พัฒนา Claude ซึ่งเป็น AI ด้านภาษา ถูกฟ้องในประเด็น AI สร้างเนื้อเพลงที่มีลิขสิทธิ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา คดี Getty Images ฟ้อง Stability AI เพราะภาพที่ Stability AI สร้างขึ้นมีลายน้ำ Getty Images ติดอยู่เป็นการลอกโดยตรง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณา

คดีหมิ่นประมาท : ในสหรัฐอเมริกา มีกรณีที่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์รายหนึ่ง ถาม Chat GPT เกี่ยวกับคดีกับการยักยอกเงินของมูลนิธิแห่งหนึ่ง ChatGPT ให้ข้อมูลที่ผิดว่านักจัดรายการวิทยุชื่อ Mark Walters เป็นจำเลยในคดีนั้นด้วยทั้งที่ไม่เป็นความจริง

Mark Walters จึงฟ้อง Chat GPT ต่อศาลในรัฐจอร์เจีย ฐานหมิ่นประมาท ศาลในรัฐจอร์เจียมีคำพิพากษาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ให้ยกฟ้อง เพราะโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยมีเจตนาหรือประมาทเลินเล่อในการหมิ่นประมาทโจทก์อย่างไร และโจทก์ไม่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากข้อความดังกล่าว

ในประเทศออสเตรเลีย Brian Hood นายกเทศมนตรีท้องถิ่นแห่งหนึ่งประกาศจะฟ้อง Chat GPT ที่ให้ข้อมูลเท็จที่เป็นการหมิ่นประมาทตนว่าถูกศาลสั่งจำคุกฐานรับสินบน เว้นแต่ Chat GPTจะแก้ไขข้อความให้ถูกต้องตรงความเป็นจริงภายในเวลา 28 วัน ในที่สุด ChatGPT ได้แก้ไขข้อความให้ถูกต้อง นาย Brian Hood จึงมิได้ยื่นฟ้อง