จากสายไฟเบอร์ถึงสมองกล เส้นทาง 40 ปีของ ROCTEC ที่เชื่อมชีวิตคน

จากสายไฟเบอร์ถึงสมองกล เส้นทาง 40 ปีของ ROCTEC ที่เชื่อมชีวิตคน

ROCTEC พัฒนาจากผู้ให้บริการสายไฟเบอร์ออปติกในฮ่องกงตลอด 40 ปี มาสู่การเป็นผู้สร้าง "สมองกล" ให้ระบบขนส่งสาธารณะโดยใช้เทคโนโลยี AI และ IoT

KEY

POINTS

  • ROCTEC พัฒนาจากผู้ให้บริการสายไฟเบอร์ออปติกในฮ่องกงตลอด 40 ปี มาสู่การเป็นผู้สร้างสมองกลให้ระบบขนส่งสาธารณะโดยใช้เทคโนโลยี AI และ IoT
  • ธุรกิจหลักในไทยครอบคลุม 3 ด้าน คือ ระบบคมนาคมขนส่ง (รถไฟฟ้า BTS, มอเตอร์เวย์), โซลูชันเทคโนโลยีครบวงจร และเป็นผู้ให้บริการจอดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในประเทศ
  • มีจุดแข็งด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของตนเอง ทำให้สามารถสร้างโซลูชันเฉพาะทาง เช่น ระบบ AI วิเคราะห์ผู้โดยสารเรียลไทม์ และระบบความปลอดภัยอัตโนมัติสำหรับรถไฟ

หากเคยยืนรอรถไฟฟ้า BTS แล้วเงยหน้ามองจอดิจิทัลเหนือศีรษะ หรือเคยขับรถผ่านถนนมอเตอร์เวย์ที่มีป้ายไฟแจ้งเตือนความเร็วและสภาพจราจร หลายคนอาจไม่รู้ว่าเบื้องหลังเทคโนโลยีเหล่านั้นคือ บริษัทหนึ่งที่มีรากฐานจากฮ่องกง และกำลังขยายอิทธิพลด้านเทคโนโลยีในประเทศไทยอย่างเงียบๆ แต่ทรงพลัง

ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) (ROCTEC) ไม่ใช่แค่ผู้ขายจอ LED หรือวางระบบเครือข่าย แต่เป็นผู้สร้าง “สมองดิจิทัล” ให้กับระบบขนส่งไทย ผ่านการผสานเทคโนโลยี AI, Internet of Things (IoT) และ Cybersecurity เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานที่เราพึ่งพาในชีวิตประจำวัน

ในบทสัมภาษณ์พิเศษกับ เว่ย แซม แลม (Weng Sam Lam) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ROCTEC เราได้เห็นภาพของบริษัทที่ไม่ได้แค่ให้บริการด้าน ICT Solutions แต่กำลัง “ออกแบบอนาคต” ให้กับระบบขนส่งไทยอย่างมีวิสัยทัศน์

จากสายไฟเบอร์ออปติกในฮ่องกง สู่สมองกลในรถไฟไทย

“เรามีจุดเริ่มต้นจากการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ในสำนักงานต่างๆ ด้วยสายไฟเบอร์ออปติก แต่วันนี้เรากำลังเชื่อมโยงชีวิตของผู้คนเข้ากับเทคโนโลยีที่เข้าใจเรามากขึ้นกว่าเดิม” เว่ย แซม แลม อธิบาย

ROCTEC ก่อตั้งขึ้นในฮ่องกงเมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย เช่น เคเบิลใยแก้วนำแสง และเครือข่ายข้อมูลที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในสำนักงานและสถานที่ต่างๆ เข้าด้วยกัน

ลูกค้าหลักของบริษัทคือ หน่วยงานภาครัฐและภาคการขนส่ง เช่น รถไฟใต้ดิน MTR ของประเทศฮ่องกง ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่เมื่อโลกเปลี่ยนไป เทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง ROCTEC ก็ไม่หยุดเช่นกัน

จากสายไฟเบอร์ออปติก พวกเขาก้าวสู่การพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะทาง เช่น ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถไฟเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินกำหนด หรือระบบเบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ซึ่งทั้งหมดนี้พัฒนาโดยทีม R&D ของบริษัทเอง

“เราพัฒนาเอง ขายเอง ดูแลเอง เพราะเราเชื่อว่าคุณภาพต้องควบคุมได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”

จากสายไฟเบอร์ถึงสมองกล เส้นทาง 40 ปีของ ROCTEC ที่เชื่อมชีวิตคน

3 เสาหลักของธุรกิจ ROCTEC

1. งานระบบคมนาคมขนส่ง (Transportation Solutions) ROCTEC ไม่ได้แค่ติดตั้งเครือข่ายให้รถไฟฟ้า แต่สร้างระบบที่สามารถประมวลผลเองได้ เช่น เซ็นเซอร์ IoT ตรวจจับความเร็วและตำแหน่งของรถไฟแบบเรียลไทม์, ระบบแจ้งเตือนคนขับเมื่อมีความเสี่ยงต่อการชนหรือการตกราง, ระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อคนขับไม่ตอบสนอง ในฮ่องกง ระบบเหล่านี้ถูกใช้งานจริงในรถไฟรางเบา (Light Rail) และช่วยลดอุบัติเหตุได้อย่างมีนัยสำคัญ

2. งานระบบครบวงจร (Integrated Technology Solutions) ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ หรือบริษัทสาธารณูปโภค ROCTEC มีโซลูชั่นเฉพาะทางอย่างครบวงจร ตั้งแต่ระบบเครือข่ายและความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cybersecurity), ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการวางระบบ IT ที่ยืดหยุ่นและควบคุมต้นทุนได้

3. งานสื่อประชาสัมพันธ์ดิจิทัล (Digital Display Solutions) จอแสดงผลดิจิทัลจำนวนมากในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบนรถไฟฟ้า BTS ทั้งในสถานีและบนขบวนรถ รวมถึงหน้าจอของทาง Plan B ส่วนใหญ่เป็นผลงานของ ROCTEC โดยบริษัทฯ เป็นผู้จัดหาจอและบริหารระบบควบคุม 

ROCTEC ยังให้บริการจัดการเนื้อหาสำหรับบางหน้าจอ หรือการจัดหาซอฟต์แวร์และหน้าจอให้ทางลูกค้าบริหารจัดการด้วยตนเอง ซึ่ง ROCTEC เป็นผู้ให้บริการจอ LED ดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีหน้าจอดิจิทัลมากกว่า 20,000 จอ ติดตั้งอยู่ในสถานที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ROCTEC ยังเป็นเจ้าของสื่อโฆษณาในสัดส่วน 15% โดยเป็นเจ้าของหน้าจอดิจิทัลที่ตั้งบนเสาภายใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS และมีรายได้จากการรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จาก Plan B สำหรับรายได้ของธุรกิจหลักในสัดส่วนมากกว่า 85% มาจากการให้บริการด้าน ICT Solutions 

ทีม R&D และการพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง

เว่ย แซม แลม เน้นย้ำว่าจุดแข็งสำคัญของ ROCTEC คือการมีทีม R&D ภายในองค์กร โดยมีบุคลากรประมาณ 40 คนในฮ่องกง และประมาณ 10 คนในประเทศไทย 

ทีม R&D นี้มีความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งได้ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมรถไฟ ซึ่งมีระบบที่ใช้งานมานานและต้องการโซลูชั่นเฉพาะ ที่ไม่สามารถหาได้จากผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปทั่วไป 

การมีผลิตภัณฑ์ของตนเองช่วยให้ ROCTEC ควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น และเสนอราคาที่แข่งขันได้ ส่งผลให้บริษัทสามารถชนะการประมูลในโครงการสำคัญๆ ได้มากมาย

ที่ผ่านมา ROCTEC ทำอะไรบ้าง?

ระบบความปลอดภัยของรถไฟในฮ่องกง: พัฒนาระบบติดตั้ง เซ็นเซอร์ IoT ทั่วเครือข่ายรถไฟรางเบา เพื่อตรวจจับตำแหน่งและความเร็วของรถไฟแบบเรียลไทม์ หากรถไฟใกล้กันเกินไปหรือใช้ความเร็วสูงเกินไป ระบบจะแจ้งเตือนคนขับและสามารถใช้เบรกอัตโนมัติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้

โครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงความเร็วสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (SRT): ได้รับสัญญาติดตั้งโครงข่ายเคเบิลใยแก้วนำแสงความเร็วสูงทั่วประเทศเกือบ 3,000 กิโลเมตร ครอบคลุม 140 สถานี ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานสำหรับเทคโนโลยีและระบบใหม่ๆ ในอนาคตของ SRT

ระบบควบคุมการทำงาน (Workflow Control System): สำหรับจัดการการทำงานของพนักงานรถไฟหลายพันคนในฮ่องกงผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งช่วยให้พนักงานรับงาน รายงานสถานะ และสื่อสารกับหัวหน้างานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้สามารถนำมาปรับใช้ในประเทศไทยได้

ทางหลวงพิเศษ: เพิ่งเสร็จสิ้นโครงการติดตั้งป้ายดิจิทัลแสดงข้อมูลจำกัดความเร็ว สภาพอากาศ หรือข้อความพิเศษบนทางหลวงพิเศษ M81 โครงการในประเทศไทย

ความปลอดภัยทางไซเบอร์: เว่ย แซม แลม ย้ำว่าธุรกิจนี้มีการเติบโตสูงและมีความยืดหยุ่นสูง โดยเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจประนีประนอมได้

จากสายไฟเบอร์ถึงสมองกล เส้นทาง 40 ปีของ ROCTEC ที่เชื่อมชีวิตคน

ใช้ AI วิเคราะห์ผู้โดยสารในรถไฟแบบเรียลไทม์

เว่ย แซม แลม อธิบายว่า ROCTEC กำลังนำ AI มาใช้ในหลายด้าน รวมถึงการวิเคราะห์ผู้โดยสารในรถไฟแบบเรียลไทม์เพื่อ ควบคุมฝูงชนและปรับปรุงการให้บริการผู้โดยสาร ได้แก่

  • การติดตั้งกล้อง AI : มีการติดตั้ง กล้อง AI มากกว่า 3,000 ตัวในรถไฟที่ฮ่องกง
  • ประมาณการจำนวนผู้โดยสาร : ซอฟต์แวร์ AI ที่พัฒนาขึ้นเองนั้น จะตรวจสอบและ ประมาณการจำนวนคนภายในตู้รถไฟแต่ละตู้ จากวิดีโอที่ถูกติดตั้ง เพื่อระบุตู้ที่มีจำนวนผู้โดยสารน้อยกว่า
  • แจ้งข้อมูลผู้โดยสาร : จอแสดงผลบนชานชาลาที่แจ้งข้อมูลตู้ที่มีจำนวนผู้โดยสาร ช่วยให้ผู้โดยสารเลือกขึ้นรถได้อย่างสะดวกสบาย
  • การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ : ติดตั้งเซ็นเซอร์ IoT ในส่วนต่างๆ ของรถไฟเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและการสั่นสะเทือน AI จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดความล้มเหลว ช่วยให้ทีมบำรุงรักษาสามารถแก้ไขได้ทันเวลา
  • การป้องกันอุบัติเหตุในสถานี : กล้องและ AI ในสถานีสามารถตรวจจับสถานการณ์ที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ เช่น พนักงานส่งของ ถือของขนาดใหญ่ชนกับผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน AI จะมีการแจ้งเตือนไปที่เจ้าหน้าที่สถานีให้เข้าช่วยเหลือ
  • AI Customer Service : กำลังพัฒนาแอปพลิเคชัน AI เพื่อตอบคำถามลูกค้า โดย AI จะวิเคราะห์คำถามและจับคู่คำถามที่มีรูปแบบต่างกันแต่ความหมายเดียวกัน โดยมีแผนจะเปิดตัวในประเทศไทยภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า และได้ทำสัญญากับทาง MTR ในฮ่องกงแล้ว
  • Smart Home / Smart Living : กำลังพัฒนาแอปพลิเคชัน AI สำหรับควบคุมบ้านอัจฉริยะด้วยเสียง พร้อม Interface “มนุษย์ดิจิทัล” ที่สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ในบ้าน และทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่พูดคุยแบบมนุษย์ได้ โดยปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานแต่ละประเภท

จากสายไฟเบอร์ถึงสมองกล เส้นทาง 40 ปีของ ROCTEC ที่เชื่อมชีวิตคน

ศักยภาพและการลงทุนในไทย

ROCTEC เล็งเห็นศักยภาพอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะด้าน AI เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากฮ่องกง ทำให้สามารถพัฒนาและขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว 

นอกจากนี้ ตลาดจอแสดงผลดิจิทัลยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ROCTEC ได้เปรียบจากการเป็นผู้ซื้อรายใหญ่จากจีน ทำให้ได้ราคาพิเศษ (VVIP price) ซึ่งช่วยให้ชนะการประมูลได้บ่อยครั้ง

รับมือความท้าทายด้วยวิสัยทัศน์ระยะยาว

เมื่อถูกถามถึงประเด็นด้านการเมืองและสถานการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก เว่ย แซม แลม อธิบายว่า แม้จะมีความท้าทายทั้งจากเศรษฐกิจ การเมือง และความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ ROCTEC ก็มีแนวทางรับมือที่ชัดเจน

ทั้งการเลือกทำงานกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องแม้เศรษฐกิจมีความผันผวน รวมทั้งบริษัทมีการกระจายซัพพลายเออร์ไม่พึ่งพาเพียงเจ้าใดเจ้าหนึ่ง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งในประเทศไทยและฮ่องกงในปีนี้

“เศรษฐกิจมีขาขึ้นและขาลง แต่โครงสร้างพื้นฐานต้องเดินหน้า รถไฟต้องวิ่ง มอเตอร์เวย์ต้องสร้าง และความปลอดภัยไซเบอร์ต้องไม่ถูกละเลย”

เป้าหมายต่อไปของ ROCTEC เว่ย แซม แลม กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานของบริษัทได้ทะลุเกินครึ่งหนึ่งของเป้าหมายตั้งแต่ตอนก่อนถึงช่วยครึ่งปีแรก เราเห็นโอกาสใหม่จากอีกหลายโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและฮ่องกง ซึ่งทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถรักษาโครงการสำคัญเหล่านี้ไว้ได้ และนำพาบริษัทไปสู่การบรรลุเป้าหมายในปีนี้”

นอกจากประเทศไทย ROCTEC ยังมองหาโอกาสในการขยายการให้บริการโซลูชั่นไปยังตลาดต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์และเวียดนาม โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่พิสูจน์แล้วจากฮ่องกงเป็นฐานในการเติบโต