ผ่าเมกะโปรเจกต์ปั้น 'สมาร์ตซิตี้' ผสานดาต้าแพลตฟอร์มเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

ผ่าเมกะโปรเจกต์ปั้น 'สมาร์ตซิตี้' ผสานดาต้าแพลตฟอร์มเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

ดีป้า ปักธงเข้าสู่สมาร์ตซิตี้ 201 เมืองอัจฉริยะ กระจายอยู่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว จนถึงเมืองอุตสาหกรรม ในปี 2570 หวังสร้างฐานการพัฒนาเมืองที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีดิจิทัลและเศรษฐกิจใหม่อย่างยั่งยืน

KEY

POINTS

  • โครงการเมกะโปรเจกต์ "สมาร์ตซิตี้" ใช้ "City Data Platform" เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเมือง 
  • รัฐบาลมองว่าการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นเครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ 5 ด้านที่สำคัญ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • การลงทุนและพัฒนาสมาร์ตซิตี้ถูกคาดการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล โดยตลาดเมืองอัจฉริยะไทยมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ย 13.2% ต่อปี ซึ่งจะช่วยสร้างงานและดึงดูดการลงทุน
  • ดีป้าได้จัดทำดัชนีชี้วัดเพื่อประเมินความสามารถในการแข่งขันและความพร้อมของเมืองต่างๆ กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาบริการอัจฉริยะที่ยั่งยืน
  • มีการจัดอันดับเมืองที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง โดย 3 อันดับแรกคือ วังจันทร์วัลเลย์ (ระยอง), สามย่านสมาร์ทซิตี้ (กทม.) และเมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นต้นแบบความสำเร็จของโครงการ

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) รายงานดัชนีชี้วัดความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะประเทศไทย (TSCCI) และดัชนีประเมินความพร้อมเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ (SCPRI) ประจำปี 2567 สำหรับเมืองอัจฉริยะที่ได้รับคะแนนชี้วัดความสามารถในการแข่งขันสูงที่สุด 3 อันดับแรก ประกอบด้วย 

  • เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จังหวัดระยอง ได้รับคะแนน 84.85% 
  • สามย่านสมาร์ทซิตี้ กรุงเทพมหานคร ได้รับคะแนน 78.22% 
  • ฉะเชิงเทรา เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้รับคะแนน 77.45% 

ขณะที่เขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะที่มีความพร้อมสูงที่สุดในการก้าวไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะคือ อุโมงค์เมืองอัจฉริยะ เทศบาลตำบลอุโมงค์ จังหวัดลำพูน ได้รับคะแนน 71.44% และ ปทุมธานีเมืองอัจฉริยะ จังหวัดปทุมธานี ได้รับคะแนน 70.20% โดยผลการจัดอันดับเมืองอัจฉริยะและเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะขึ้นอยู่กับข้อมูลการประเมินตนเองและการรายงานผลที่ได้รับจากผู้พัฒนาเมือง

ผ่าเมกะโปรเจกต์ปั้น 'สมาร์ตซิตี้' ผสานดาต้าแพลตฟอร์มเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

 

เมกะโปรเจกต์ ผ่านการใช้ City Data Platform

รายงานดังกล่าวยังเป็นการสร้างระบบวัดและประเมินผลเพื่อให้สามารถติดตามและปรับปรุงการดำเนินงาน เพื่อให้เมืองพัฒนาไปในทิศทางที่เหมาะสม สนับสนุนการเชื่อมโยงและความร่วมมือข้ามส่วนระหว่างหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาและพัฒนาเมืองให้ดีขึ้น 

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะไทยถูกวางเป็น เมกะโปรเจกต์แห่งชาติ ผ่านการใช้ City Data Platform เป็นศูนย์กลางในการรวบรวม วิเคราะห์ และจัดการข้อมูลเมือง ตั้งแต่การจราจร พลังงาน ขยะ การรักษาความปลอดภัย ไปจนถึงบริการสาธารณะ โดยข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังสร้างฐานการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ทำให้เมืองสามารถบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า ดัชนี TSCCI และ SCPRI ช่วยประเมิน จุดแข็ง-จุดอ่อนของเมือง และกระตุ้นการแข่งขันเชิงบวก พร้อมสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริหารเมืองพัฒนาบริการอัจฉริยะให้ทันสมัยและยั่งยืน

ผ่าเมกะโปรเจกต์ปั้น 'สมาร์ตซิตี้' ผสานดาต้าแพลตฟอร์มเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

ซึ่งแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทยถือเป็นกลไกสำคัญในพัฒนา เมกะโปรเจกต์ พลิกโฉมประเทศไทย โดยเพิ่มประสิทธิภาพและขยายเขตเมืองอัจฉริยะให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับ City Data Platform โดยนำข้อมูลที่ถูกจัดเก็บมาบริหารจัดการเมือง แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ขับเคลื่อนเมืองในทุกมิติผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพการบริการ และสร้างเมืองที่มีความทันสมัยและยั่งยืน อีกทั้งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศต่อไป

ผ่าเมกะโปรเจกต์ปั้น 'สมาร์ตซิตี้' ผสานดาต้าแพลตฟอร์มเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

รัฐบาลมองเมืองอัจฉริยะเป็น เครื่องมือเชิงยุทธศาสตร์ ใน 5 ด้านสำคัญ

1. ยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยบริการดิจิทัลและระบบสาธารณูปโภคอัจฉริยะ

2. กระจายโอกาสทางเศรษฐกิจ สู่เมืองรองและเมืองกลาง ลดความเหลื่อมล้ำ

3. สนับสนุนนวัตกรรมและเศรษฐกิจดิจิทัล เพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุน

4. สร้างเมืองยั่งยืนและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานสะอาด ลดมลพิษ และจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด

5. เพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ ผ่านเมืองที่ดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว

เมืองอัจฉริยะ – มูลค่าเศรษฐกิจสูง

การลงทุนและพัฒนาสมาร์ตซิตี้สร้าง มูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล ทั้งในรูปแบบ:

   •   โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและพลังงานสะอาด

   •   การสร้างงานและอาชีพใหม่ในธุรกิจเทคโนโลยีและบริการดิจิทัล

   •   การเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจท้องถิ่นและเศรษฐกิจในพื้นที่

   •   งานจัดแสดงเทคโนโลยี เช่น Thailand Smart City Expo สร้างมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท

   •   ประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารเมือง

ผ่าเมกะโปรเจกต์ปั้น 'สมาร์ตซิตี้' ผสานดาต้าแพลตฟอร์มเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

รายงาน Thailand Smart Cities Market (2023‑2029) ประเมินว่า ตลาดเมืองอัจฉริยะไทยจะเติบโตเฉลี่ย 13.2% ต่อปี (CAGR) ซึ่งสะท้อนโอกาสและการลงทุนมหาศาล ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างมุ่งต่อยอดสมาร์ตซิตี้ให้เป็น เครื่องยนต์เศรษฐกิจดิจิทัล ของประเทศ

การขยายเมืองอัจฉริยะ 201 เมืองทั่วประเทศ ไม่ใช่แค่การสร้างความทันสมัย แต่เป็น โครงสร้างพื้นฐานเชิงเศรษฐกิจและสังคม ที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ตั้งแต่รัฐ เอกชน ประชาสังคม และประชาชน ด้วย City Data Platform