Ride Sharing ไทยเข้าสู่มาตรฐานใหม่ จี้รัฐ-แพลตฟอร์มเร่งสร้างความเชื่อมั่น

ประกาศกฎหมายใหม่ DPS กำหนดให้แพลตฟอร์ม Ride Sharing มีหน้าที่เพิ่มเติม ไม่ใช่แค่ตัวกลางอีกต่อไป ยกระดับความปลอดภัยและความโปร่งใสของบริการ ผู้ขับต้องใช้รถสาธารณะ มีใบอนุญาตถูกต้อง ขณะที่ผู้โดยสารได้บริการตรวจสอบได้ GPS Tracking โปร่งใสและมีช่องทางร้องเรียนทันที
KEY
POINTS
- มีการออกกฎระเบียบใหม่ภายใต้กฎหมาย DPS เพื่อยกระดับมาตรฐานบริการ Ride Sharing ในไทย แก้ปัญหาด้านความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค
- แพลตฟอร์มต้องรับผิดชอบมากขึ้น โดยมีหน้าที่กำกับดูแล ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ขับขี่และยานพาหนะให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมแสดงข้อมูลสำคัญอย่างโปร่งใส
- ผู้ขับขี่ (ไรเดอร์) ต้องปรับตัวให้เป็นมืออาชีพ โดยใช้รถที่จดทะเบียนเป็นรถสาธารณะและมีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- ผู้โดยสารได้รับประโยชน์จากความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น สามารถตรวจสอบข้อมูลคนขับและรถ ติดตามเส้นทางผ่าน GPS และมีช่องทางร้องเรียนที่ชัดเจน
- เป้าหมายคือการสร้างสมดุลและสร้างระบบนิเวศ Ride Sharing ที่โปร่งใส ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ประเภทบริการรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้าง โดยสารสาธารณะ หรือ Ride Sharing ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนไทย เพราะตอบโจทย์ ทั้งเรื่องความสะดวกและราคา จากรายงานของบริษัทวิจัย Statista คาดการณ์ว่ารายได้ตลาดบริการเรียกรถ โดยสารของไทยจะสูงถึง 1.36 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 4.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2568 และจะไปถึง 1.48 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2571 มีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 2.14% และคาดว่าจะมีผู้ใช้ถึง 15.16 ล้านคน ภายในปี 2572
แต่ท่ามกลางการเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ไม่อาจมองข้าม ตั้งแต่ความปลอดภัยของยานพาหนะและไรเดอร์, ความเป็นธรรมในการคิดค่าโดยสาร ไปจนถึง ความไม่ชัดเจนของช่องทางสำหรับร้องเรียนเมื่อเกิดปัญหา สิ่งเหล่านี้ได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้โดยสาร หากปราศจากมาตรการดูแลที่เหมาะสม จึงทำให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง ETDA, กรมการขนส่งทางบก และหน่วยงานอื่นๆ ต้องเข้ามาร่วมกันวางกรอบกติกาเพื่อให้เกิดการให้บริการที่เป็นธรรม
โดยล่าสุดได้มีการออก ประกาศ คธอ. เรื่อง การดำเนินการอื่นสำหรับผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ประเภทบริการรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างโดยสารสาธารณะ ที่มีลักษณะเฉพาะตามมาตรา 18 (3) ภายใต้กฎหมาย DPS ที่กำหนดให้แพลตฟอร์มดิจิทัลประเภท Ride Sharing ต้องมี “หน้าที่เพิ่มเติม” นอกเหนือจากหน้าที่ทั่วไป เพื่อยกระดับมาตรฐาน สร้างความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยให้ผู้ใช้บริการมากขึ้น และกำหนดว่าภายใต้ประกาศใหม่นี้ แพลตฟอร์ม ไรเดอร์ ผู้โดยสารใครมีหน้าที่ต้องทำอะไร
แพลตฟอร์มต้องทำอะไรบ้าง?
“ประกาศนี้ทำให้แพลตฟอร์มไม่ใช่แค่ตัวกลางอีกต่อไป แต่มีหน้าที่กำกับดูแลและควบคุมการให้บริการ” ETDA ระบุว่า
ทั้งนี้ แพลตฟอร์มต้องตรวจสอบผู้ขับให้ใช้รถสาธารณะ มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้อง จัดเก็บค่าบริการตามอัตราที่กำหนด แสดงข้อมูลสำคัญต่อผู้โดยสาร เช่น ชื่อ-นามสกุล รูปถ่าย เลขใบอนุญาต เลขทะเบียนรถ ตำแหน่ง GPS จุดรับ-ส่ง ระยะทาง เวลาเดินทาง และค่าโดยสาร พร้อมระบบช่วยเหลือและระงับข้อพิพาท
แพลตฟอร์มต้องมีมาตรการกำกับและตรวจสอบการใช้รถสาธารณะของผู้ขับ เช่น ให้บริการเฉพาะพื้นที่ที่กำหนด ห้ามใช้บัญชีแทนกัน พร้อมกลไกลงโทษผู้กระทำผิด และส่งรายงานประจำปีต่อหน่วยงานรัฐอย่างต่อเนื่อง
แนะไรเดอร์ต้องปรับตัว
แม้ประกาศฯ ไม่ได้บังคับตรงตัว แต่ผู้ขับต้องปรับตัวให้พร้อม รถต้องจดทะเบียนเป็นรถสาธารณะ มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้อง ผ่านระบบพิสูจน์ตัวตน เช่น ThaID และปฏิบัติตามกฎจราจร รวมถึงข้อกำหนดของแพลตฟอร์ม ห้ามสวมบัญชีแทนหรือให้บริการนอกระบบ การปรับตัวนี้ช่วยยกระดับอาชีพให้เป็นที่เชื่อถือ เพิ่มโอกาสสร้างรายได้ และช่วยลดความเสี่ยงในการถูกระงับบัญชีหรือถูกลงโทษ
นอกจากนี้ ผู้ขับยังสามารถเลือกรับงาน ยกเลิกงานที่ไม่เหมาะสม และแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านระบบแพลตฟอร์มได้ทันที
ผู้โดยสารได้ประโยชน์อย่างไร
มาตรการใหม่ช่วยให้ผู้โดยสารมั่นใจมากขึ้น ทั้งรู้จักตัวตนของไรเดอร์ รถและใบอนุญาตถูกต้อง สามารถติดตามเส้นทาง GPS Tracking ได้ทุกการเดินทาง ค่าโดยสารโปร่งใสและเป็นธรรม และมีช่องทางร้องเรียน แจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือระงับข้อพิพาท ข้อมูลทุกอย่างถูกบันทึกเป็นหลักฐานหากเกิดกรณีจำเป็น
“ทุกมาตรการถูกออกแบบเพื่อสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่น ผู้โดยสารสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างมั่นใจ” แหล่งข่าวกล่าว
Ride Sharing ไทยสู่มาตรฐานใหม่
ประกาศ DPS ไม่ได้กำหนดเพียงข้อบังคับ แต่ยกระดับมาตรฐานบริการให้โปร่งใส ปลอดภัย และเชื่อถือได้ สร้างสมดุลผลประโยชน์ระหว่างแพลตฟอร์ม ไรเดอร์ และผู้โดยสาร ภาครัฐ แพลตฟอร์ม และผู้ใช้ร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น วางรากฐานระบบนิเวศดิจิทัลไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน






