เมื่อ 'Generative AI' กำลังทำลาย กำแพง 'ความเชี่ยวชาญ'

Generative AI กำลังมาทำลายกำแพงทักษะการทำงานของผู้คน วันก่อนผมอยากทำคลิปหนังสั้นเพื่อแนะนำเว็บไซต์แห่งหนึ่ง โดยที่ผมไม่มีทักษะการถ่ายทำหนัง ซึ่งค่อนข้างซับซ้อนมาก เพราะต้องใช้กล้อง จัดตำแหน่งหรือแสงให้เหมาะสม รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมาช่วยถ่ายทำ
Generative AI กำลังมาทำลายกำแพงทักษะการทำงานของผู้คน วันก่อนผมอยากทำคลิปหนังสั้นเพื่อแนะนำเว็บไซต์แห่งหนึ่ง โดยที่ผมไม่มีทักษะการถ่ายทำหนัง ซึ่งค่อนข้างซับซ้อนมาก เพราะต้องใช้กล้อง จัดตำแหน่งหรือแสงให้เหมาะสม รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมาช่วยถ่ายทำ
ล่าสุดบริษัท Google ออกโมเดล Veo 3 ในการทำวิดีโอ และงานเปิดตัวดูเหมือนจริงมาก แต่เมื่อเห็นเครื่องมือใน Gemini ที่ออกมาก็สามารถทำคลิปได้เพียงแค่ 8 วินาที คำถามที่น่าสนใจคือ ทำอย่างไรให้เป็นหนังยาวกว่านั้น หรือจะต้องตัดต่อเป็นคลิปสั้น ๆหลายตอน แล้วทำให้หน้าคนต่อเนื่องกันไปได้
ความอยากรู้ทำให้วันจันทร์ที่ผ่านมาผมทดลองใช้ Google Flow ที่สามารถทำคลิปสั้นๆ ด้วย Veo3 แล้วก็ศึกษาด้วยตัวเองทาง YouTube ว่าต้องมีวิธีการทำอย่างไรเพื่อทำให้ได้คลิปหนังที่ยาวขึ้น พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ลอง Prompt ดูแล้วก็ใช้ AI มาช่วยตัดต่อ ชั่วโมงกว่าก็ทำเสร็จ
ผมได้คลิปที่มีความยาวเกือบ 40 วินาที และคุณภาพดีมากเหมือนมีการถ่ายทำหนังจริง ทำให้ผมแปลกใจมากเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่า ตัวเองสามารถจะทำการสร้างเรื่องราวต่างๆ และตัดต่อหนังสั้นได้ แม้คลิปแรกที่ทำอาจไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ถือว่าดีมาก และหากปรับปรุงอีกเพียงเล็กน้อยก็จะได้คุณภาพไม่ด้อยกว่าการถ่ายทำจริง
ผมจึงคิดว่า จริงๆ แล้ว GenAI ซึ่งเป็น AI ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ เสียง หรือวิดีโอ กำลังเข้ามาทำให้กำแพงทักษะที่เราเคยบอกว่า การจะทำงานด้านใดด้านหนึ่ง ต้องใช้เวลาศึกษานานพอควร กลายเป็นเรื่องง่ายที่คนทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ลองมาดูอาชีพที่ผมเคยทำประจำ การจะเขียนโปรแกรมหรือทำเว็บไซต์ได้นั้น เราต้องเรียนรู้ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน เช่น Python, Java, หรือ C++ ซึ่งต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก แต่ด้วย GenAI เราสามารถสั่งงานด้วยภาษาปกติแทนที่จะเขียนโค้ดทีละบรรทัด เราสามารถสั่ง AI ด้วยภาษาพูดหรือภาษาเขียนธรรมดาได้เลย
เช่น “ช่วยสร้างเว็บไซต์สำหรับร้านกาแฟของฉันหน่อย มีหน้าแรก เมนู และข้อมูลติดต่อ” ทำให้คนที่มีไอเดียดีๆ แต่ไม่มีทักษะการเขียนโค้ด สามารถสร้างแอปพลิเคชันหรือโปรแกรมของตัวเองขึ้นมาได้ สิ่งสำคัญจึงไม่ใช่ “ความสามารถในการเขียนโค้ด” แต่เป็น “ความคิดสร้างสรรค์และไอเดีย”
เช่นเดียวกับการเขียนโปรแกรม การสร้างสรรค์งานศิลปะหรือการเขียนนวนิยายจำเป็นต้องอาศัยทักษะที่ฝึกฝนมานานหลายปี ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การจัดองค์ประกอบ หรือการเรียบเรียงเรื่องราว แต่ด้วย GenAI เราสามารถป้อนคำสั่ง (Prompt) ที่บรรยายภาพจินตนาการของเรา เช่น “ขอภาพนักบินอวกาศกำลังขี่ม้าอยู่บนดาวอังคารในสไตล์ภาพวาดของแวนโก๊ะ” จากนั้น AI ก็จะสร้างสรรค์ภาพนั้นขึ้นมาให้
ยังมีตัวอย่างอื่นๆ เช่น ตอนนี้ทุกคนสามารถเป็นล่ามได้ แต่ก่อนการเป็นล่ามอาชีพถือเป็นหนึ่งในทักษะทางภาษาที่ท้าทายที่สุด จำเป็นต้องฝึกฝนยาวนานหลายปีกว่าที่จะเชี่ยวชาญ ไม่ใช่แค่การรู้คำศัพท์ แต่ต้องเข้าใจไวยากรณ์ที่ซับซ้อน บริบททางวัฒนธรรม และที่สำคัญคือต้องมีทักษะการฟัง-คิด-พูด สลับภาษาไปมาได้แบบฉับพลัน ซึ่งต้องใช้สมาธิและการประมวลผลในระดับสูง ทำให้ล่ามมืออาชีพเป็นที่ต้องการและมีค่าใช้จ่ายสูง
แต่ด้วย GenAI สามารถแปลการสนทนาแบบเรียลไทม์ เราสามารถใช้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์กลางในการสนทนาได้ทันที AI จะทำหน้าที่รับฟังเสียงพูดในภาษาหนึ่ง แล้วแปลไปในอีกภาษาหนึ่งออกมาแทบจะทันที ทำให้การพูดคุยกับชาวต่างชาติเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น เหมือนมีล่ามนั่งอยู่ตรงกลางจริงๆ นอกจากนี้ Gen AI รุ่นใหม่ไม่ได้แปลตรงตัวแบบคำต่อคำเหมือนเดิม แต่สามารถจับบริบทของบทสนทนาและเลือกใช้สำนวนที่คนท้องถิ่นใช้จริงๆ ทำให้การสื่อสารมีความเป็นธรรมชาติสูง ลดความผิดพลาดจากการตีความผิดทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นทักษะที่ล่ามมือใหม่มักจะพลาด
แม้อาชีพยากๆ อย่างการเป็นนักวิเคราะห์หรือที่ปรึกษาการเงิน ที่จำเป็นต้องอาศัยความรู้เฉพาะทางที่ซับซ้อนและประสบการณ์ยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านงบการเงิน การประเมินมูลค่าหุ้น การวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ไปจนถึงการติดตามข่าวสารตลาดทุนทั่วโลกตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะทำความเข้าใจและนำมาใช้ตัดสินใจได้ แต่
ด้วยGenAI เราสามารถสั่งให้ AI สรุปงบการเงินของบริษัทที่เราสนใจได้ในไม่กี่วินาที เช่น “ช่วยวิเคราะห์หุ้นของบริษัท A บอกจุดแข็งจุดอ่อนจากงบการเงินล่าสุด” AI จะประมวลผลข้อมูลมหาศาลและให้คำตอบที่เข้าใจง่าย โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาอ่านรายงานประจำปีนับร้อยหน้า
อีกตัวอย่างหนึ่งคืออาชีพนักวิจัยข้อมูล ซึ่งกระบวนการวิจัยแบบดั้งเดิมนั้นต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทนสูงมาก นักวิจัยต้องเริ่มต้นจากการค้นหาแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือจำนวนมาก เช่น เอกสารวิชาการ รายงานตลาด หรือหนังสือ แล้วใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการอ่านทำความเข้าใจ คัดกรองข้อมูลสำคัญ และสังเคราะห์ทั้งหมดให้กลายเป็นข้อสรุปเชิงลึก ซึ่งเป็นกระบวนการที่เหนื่อยและอาจเกิดข้อผิดพลาดจากการตกหล่นข้อมูลสำคัญได้
แต่ด้วย GenAI เราสามารถถามคำถามวิจัยที่ซับซ้อน เช่น “สรุปเทรนด์ตลาด AI ในปี 2025 พร้อมอ้างอิงแหล่งที่มา” GenAI จะทำหน้าที่ค้นหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือนับร้อยนับพันแห่ง แล้วย่อยข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านั้นให้กลายเป็นบทสรุปที่เข้าใจง่าย ช่วยประหยัดเวลาในการอ่านไปได้อย่างมหาศาล ทั้งนี้ Gen AI ไม่ได้แค่สรุปข้อมูล แต่ยังสามารถเปรียบเทียบและเชื่อมโยงแนวคิดจากหลายๆ แหล่งข้อมูลได้ เช่น การวิเคราะห์ว่ารายงานสองชิ้น มีข้อสรุปที่ขัดแย้งกันในประเด็นใดบ้าง ทำให้ผู้ใช้มองเห็นภาพรวมขององค์ความรู้ในเรื่องนั้นๆ ได้ลึกซึ้งและรอบด้านยิ่งขึ้น
การทำลายกำแพงทักษะเหล่านี้หมายความว่า มือใหม่สามารถผลิตผลงานระดับมืออาชีพได้เร็วขึ้น แต่ก็สร้างความท้าทายให้กับตลาดแรงงาน มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า “งานทุกงานจะได้รับผลกระทบจาก AI” แต่แทนที่จะทำให้ตำแหน่งงานสูญหาย AI จะเปลี่ยนรูปแบบงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากบริษัทไม่ปรับตัว อาจนำไปสู่การสูญเสียงานจริงๆ อย่างไรก็ตามเชื่อว่า AI จะสร้างโอกาสใหม่ๆ มากกว่า โดยเฉพาะในสาขาที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจของมนุษย์
อนาคต AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นพันธมิตรที่เปลี่ยนแปลงทุกด้านของชีวิต สำหรับประเทศไทยซึ่งกำลังก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนใน AI และการฝึกทักษะให้เข้ากับยุคใหม่จะเป็นกุญแจสำคัญ รัฐบาลและภาคเอกชนควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสจากคลื่นลูกนี้ อนาคตของ AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มันกำลังมาถึงแล้ว และใครที่ปรับตัวได้ก่อนจะเป็นผู้ชนะ







