หลุมดำ PDPA ถึงเวลาธุรกิจไทยต้องสร้าง 'อธิปไตยข้อมูล'

หลุมดำ PDPA ถึงเวลาธุรกิจไทยต้องสร้าง 'อธิปไตยข้อมูล'

ยุคที่ข้อมูลคือหัวใจของทุกธุรกิจ “อธิปไตยข้อมูล” จึงไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงกฎหมายอีกต่อไป นี่คือโอกาสในการสร้างความน่าเชื่อถือระดับโลกสำหรับองค์กรธุรกิจ เริ่มต้นด้วยการวางระบบที่โปร่งใส ปลอดภัย และควบคุมได้ เป็น “รากฐานที่มั่นคง”

KEY

POINTS

  • ค่าปรับจากการละเมิดกฎหมาย PDPA เป็นสัญญาณว่าช่วงเวลาผ่อนปรนได้สิ้นสุดลงแล้ว
  • องค์กรต้องรับผิดชอบต่อข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจริงจัง
  • ธุรกิจไทยถูกกระตุ้นให้ยกระดับแนวคิด "อธิปไตยข้อมูล" (Data Sovereignty)
  • การสร้างอำนาจควบคุมข้อมูลด้วยตนเอง, บูรณาการความปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ (Security-by-design), และการสร้าง "กำแพงมนุษย์" (Human Firewall) คือ 3 แนวทางสำคัญในการสร้างอธิปไตยข้อมูล
  • การปฏิบัติตาม PDPA และสร้างอธิปไตยข้อมูลไม่ใช่แค่ภาระทางกฎหมาย แต่เป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการสร้างความน่าเชื่อถือและความได้เปรียบการแข่งขัน

จากกรณีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) สั่งปรับหน่วยงานรัฐและเอกชนไปแล้วรวมกว่า 21.5 ล้านบาท

สาเหตุจากการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ซึ่งรวมถึงการปล่อยข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ไม่แจ้งเหตุการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และไม่จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพียงพอ

กาตัม รามาจันทรัน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเข้าสู่ตลาด ซิมบร้า (Zimbra) ผู้ให้บริการอีเมลและแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันชั้นนำ วิเคราะห์ว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าช่วงเวลาของการผ่อนปรนได้สิ้นสุดลงแล้ว และองค์กรไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อข้อมูลส่วนบุคคลอีกต่อไป

หลุมดำ PDPA ถึงเวลาธุรกิจไทยต้องสร้าง 'อธิปไตยข้อมูล'

'ความล้มเหลว' ที่ไม่ควรมองข้าม

ดังนั้นถึงเวลาที่ผู้บริหารและผู้นำด้านไอทีขององค์กรต้องยกระดับ "อธิปไตยข้อมูล" (Data Sovereignty)” จากแนวคิดเชิงทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง

ธุรกิจไทยควรตระหนักว่า การปฏิบัติตาม PDPA ไม่ใช่แค่เรื่องของฝ่ายกฎหมายหรือไอที แต่เป็นเรื่องของ “กลยุทธ์ระดับองค์กร” เพื่อชิงความได้เปรียบทางธุรกิจเหนือคู่แข่งได้ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินมีค่าที่สุดขององค์กร

สำหรับ บทเรียนจากค่าปรับ 21.5 ล้านบาท นับเป็น ความล้มเหลวที่ไม่ควรมองข้าม ค่าปรับมหาศาลที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่สะท้อนถึงความล้มเหลวในหลายมิติ โดยส่วนใหญ่มาจาก

  • ความบกพร่องด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย: ธุรกิจจำนวนมากถูกลงโทษเพราะมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน
  • ขาดการกำกับดูแลคู่ค้า: องค์กรต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของผู้ให้บริการภายนอกที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหล
  • ขาดความโปร่งใส: หลายบริษัทถูกปรับเพราะไม่แจ้งการรั่วไหลของข้อมูลต่อ PDPC ภายในเวลาที่กำหนด

จากความท้าทายสู่การลงมือ 'ปฏิบัติจริง'

กาตัม แนะนำว่า ถึงเวลาแล้วที่องค์กรไทยต้องเปลี่ยนทัศนคติและลงมือทำอย่างจริงจัง ด้วยแนวทางของ PDPC ที่มุ่งสู่การ "Zero Data Breach" ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่การปฏิบัติตามรายการตรวจสอบ แต่คือการสร้างระบบที่มีความยืดหยุ่นตั้งแต่รากฐาน ซึ่งมี 3 ขั้นตอนสำคัญที่ธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

สร้างอำนาจควบคุมข้อมูลด้วยตนเอง (Data Sovereignty): สิ่งนี้คือหัวใจของไอทียุคใหม่ ลดการพึ่งพาบริการคลาวด์จากต่างประเทศที่ทำให้ข้อมูลอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศนั้นๆ

การเลือกใช้โซลูชันแบบ On-premise หรือ Private Cloud จะช่วยให้ข้อมูลยังคงอยู่ในประเทศไทย สอดคล้องกับกฎหมาย PDPA โดยตรง ช่วยให้มั่นใจว่าองค์กรมีอำนาจในการควบคุมข้อมูลอย่างสมบูรณ์

บูรณาการความปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ (Security-by-design): แทนที่จะมองว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องรอง องค์กรควรเลือกใช้โซลูชันที่มีการติดตั้งระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและการควบคุมการเข้าถึงมาตั้งแต่ต้น รวมถึงการแจ้งเตือนเมื่อเกิดการละเมิดข้อมูลแบบอัตโนมัติ ช่วยสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งและตอบสนองต่อการโจมตีที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว

สร้าง "กำแพงมนุษย์" (Human Firewall): เทคโนโลยีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา องค์กรต้องลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัย บุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจคือแนวป้องกันที่สำคัญที่สุดต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์

ฉวยจังหวะสร้าง 'ความได้เปรียบ' การแข่งขัน

ผู้บริหารซิมบร้ายังชี้ให้เห็นว่า การปฏิบัติตาม PDPA ไม่ใช่แค่ภาระ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายไปสู่ตลาดโลก เพราะการมีรากฐานด้านข้อมูลที่มั่นคงและสอดคล้องกับกฎหมายในประเทศ จะช่วยสร้าง ความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการคุ้มครองข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพันธมิตรและลูกค้าต่างชาติ

นอกจากนี้การลงทุนใน เทคโนโลยีแบบเปิดและโปร่งใส (open-standard technology) จะช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบมาตรการความปลอดภัยได้ด้วยตนเอง ปรับตัวตามกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง และหลีกเลี่ยงการถูกผูกขาดกับผู้ให้บริการรายใดรายหนึ่ง

จากกฎหมาย...สู่ความได้เปรียบในการแข่งขัน การปฏิบัติตาม PDPA อาจดูเหมือนเป็นภาระ แต่แท้จริงแล้ว นี่คือโอกาสในการสร้างความน่าเชื่อถือระดับโลกสำหรับองค์กรธุรกิจ เริ่มต้นด้วยการวางระบบที่โปร่งใส ปลอดภัย และควบคุมได้ เป็น “รากฐานที่มั่นคง” และสามารถขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ

ในยุคที่ข้อมูลคือหัวใจของทุกธุรกิจอธิปไตยข้อมูลจึงไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงกฎหมายอีกต่อไป แต่เป็นยุทธศาสตร์ด้านไอทีที่ทุกองค์กรไทยควรเริ่มลงมือทำตั้งแต่วันนี้