ดีอี ย้ำอีกครั้ง แค่ระงับธุรกรรมชั่วคราว ไม่ใช่อายัดบัญชี พร้อมปลดล็อกหากพิสูจน์

ดีอี ย้ำอีกครั้ง แค่ระงับธุรกรรมชั่วคราว ไม่ใช่อายัดบัญชี พร้อมปลดล็อกหากพิสูจน์

ปลัดดีอี “วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ” ย้ำมาตรการระงับธุรกรรมชั่วคราวภายใต้ พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2566 มีผลเพียง 7 วัน ไม่กระทบยอดเงินทั้งบัญชี พร้อมเร่งปลดล็อกให้ผู้บริสุทธิ์ภายในครึ่งวัน

KEY

POINTS

  • กระทรวงดีอีย้ำว่ามาตรการที่ใช้คือ "การระงับธุรกรรมชั่วคราว" ไม่ใช่ "การอายัดบัญชี" โดยจะระงับเฉพาะวงเงินที่ต้องสงสัยเท่านั้น
  • การระงับธุรกรรมจะมีผลเพียง 7 วัน หากไม่มีหลักฐานใหม่เพื่อขออายัดต่อ บัญชีจะถูกปลดล็อกโดยอัตโนมัติ
  • เจ้าของบัญชีที่เป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อพิสูจน์ตัวตนและขอปลดล็อกได้ทันที
  • การดำเนินการปลดล็อกสำหรับผู้บริสุทธิ์จะใช้เวลาไม่เกินครึ่งวันหลังจากให้ข้อมูลครบถ้วน เพื่อลดผลกระทบ
  • มาตรการนี้เป็นไปตามกฎหมายเพื่อปราบปรามบัญชีม้า และยืนยันว่าดำเนินการกับทุกบัญชีที่เข้าข่ายอย่างเท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ชี้แจงความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการ “ระงับธุรกรรมชั่วคราว” ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566

โดยย้ำว่ามาตรการดังกล่าว “ไม่ใช่การอายัดบัญชี” แต่เป็นการระงับเฉพาะวงเงินที่สงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมจากบัญชีม้า และจะมีผลบังคับใช้เพียง 7 วันเท่านั้น

หากภายในระยะเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบพยานหลักฐานใหม่เพื่อขออายัดบัญชีตามกระบวนการ ป.วิอาญา บัญชีที่ถูกระงับจะได้รับการปลดล็อกทันที และหากตรวจสอบพบว่าเจ้าของบัญชีเป็นผู้บริสุทธิ์ จะรีบดำเนินการยกเลิกการระงับเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ปัจจุบันมีประชาชนโทรเข้ามาขอปลดการระงับธุรกรรมกว่า 1,300 ราย แต่มีเพียง 300 รายที่ให้ข้อมูลครบถ้วน และจากการตรวจสอบสามารถปลดล็อกได้เพียง 10% ส่วนที่เหลือยังพบพฤติกรรมเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า 

สถานการณ์ปัจจุบันมีคดีเข้าสู่ระบบวันละกว่า 1,000 เรื่อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแจ้งธนาคารให้ “ระงับเฉพาะวงเงินที่สงสัย” จากข้อมูลผู้เสียหาย ไม่ได้กระทบยอดเงินทั้งหมดในบัญชี ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบแต่เป็นผู้บริสุทธิ์สามารถติดต่อศูนย์ฯ โดยแจ้งข้อมูล 4 รายการ ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน เลขบัญชี และชื่อธนาคาร เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและปลดล็อกภายในไม่เกินครึ่งวัน

จากการติดตามธุรกรรมที่เข้าข่ายส่วนใหญ่พบว่าเกี่ยวข้องกับเงินตั้งแต่หลักแสนถึงหลักล้านบาท ไม่ใช่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยที่ใช้วงเงินไม่มาก ข้อสงสัยเรื่องการเลือกปฏิบัติยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทุกบัญชีที่เข้าข่ายจะถูกระงับอย่างเท่าเทียม แม้แต่บริษัทขนาดใหญ่ก็ไม่เว้น เพียงแต่วงเงินที่ถูกระงับอาจเล็กน้อยจนไม่ส่งผลกระทบให้รู้สึกได้ชัด

ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมาย โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พร้อมเตรียมเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบธุรกรรม เพื่อคัดแยกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออกจากบัญชีผู้บริสุทธิ์อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดผลกระทบต่อประชาชนให้น้อยที่สุด

ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหารือเพื่อพัฒนาระบบกลั่นกรองธุรกรรมให้สามารถตรวจสอบตั้งแต่ต้นทาง ลดโอกาสเกิดความเสียหาย ซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการข้อมูลและความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อให้การแก้ไขปัญหามีประสิทธิภาพสูงสุด