สุดในรุ่น! เปิดตัวแล้ว 'iPhone 17 Pro' เจาะสเปก เด็ดทั้งสองรุ่น

สุดในรุ่น! เปิดตัวแล้ว 'iPhone 17 Pro' เจาะสเปก เด็ดทั้งสองรุ่น

เจาะลึก "iPhone 17 Pro" ทรงพลังแบบโปร ขับเคลื่อนด้วยชิป A19 Pro สุดขั้ว ปฏิวัติการถ่ายภาพด้วยกล้อง Fusion 48MP ซูมออปติคัล 8 เท่า ถ่ายวิดีโอระดับฮอลลีวูด

KEY

POINTS

  • iPhone 17 Pro พลิกโฉมดีไซน์ใหม่ทั้งหมดพร้อมชิป A19 Pro และระบบระบายความร้อน Vapor Chamber เพื่อมอบประสิทธิภาพที่แรงที่สุดและแบตเตอรี่ที่อึดที่สุดเท่าที่เคยมีมา
  • ปฏิวัติการถ่ายภาพด้วยระบบกล้อง Fusion 48MP สามตัวที่มอบพลังซูมคุณภาพออปติคัลไกลที่สุดถึง 8 เท่า พร้อมยกระดับการถ่ายวิดีโอและเซลฟี่สู่ระดับโปรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
  • ตัวเครื่องมาพร้อมจอภาพ Super Retina XDR ที่สว่างที่สุด และทนทานที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย Ceramic Shield 2 ที่ปกป้องแกร่งรอบด้านทั้งหน้าและหลัง

เสียงฮือฮาดังกระหึ่มจากคูเปอร์ติโนอีกครั้ง เมื่อ Apple ได้เปิดตัว iPhone 17 Pro และ iPhone 17 Pro Max สมาร์ตโฟนรุ่นโปรที่ทรงพลังและล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของ iPhone

iPhone 17 Pro ทั้งซีรีส์ยกเครื่องใหม่หมด ตั้งแต่ดีไซน์ภายนอกที่สวยงามจับใจ ขุมพลังภายในจากชิปเซ็ตที่แรงทะลุขีดจำกัด ไปจนถึงระบบกล้องที่พร้อมท้าชนกล้องระดับโปร ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นเหตุผลว่าทำไม iPhone 17 Pro จึงเป็นการอัปเกรดครั้งใหญ่จริงๆ

สุดในรุ่น! เปิดตัวแล้ว 'iPhone 17 Pro' เจาะสเปก เด็ดทั้งสองรุ่น

ดีไซน์ใหม่หมดจด

ตัวเครื่อง iPhone 17 Pro ถูกรังสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งหมดจากอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ชิ้นเดียวเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ ไม่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่หัวใจสำคัญคือการจัดการความร้อนที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone และภายใต้ความงามนี้คือขุมพลังมหาศาลอย่างชิป A19 Pro ที่ทำงานร่วมกับ Vapor Chamber ซึ่งเป็นระบบระบายความร้อนที่ Apple ออกแบบเองเป็นครั้งแรก ทำให้ชิปทำงานเต็มประสิทธิภาพได้ยาวนานขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าคุณจะเล่นเกมกราฟิกระดับ AAA อย่าง Arknights: Endfield ที่มีเรย์เทรซซิ่ง หรือตัดต่อวิดีโอ 4K ProRes RAW ก็ลื่นไหลแบบไม่มีสะดุด

และด้วยการออกแบบภายในใหม่ทั้งหมด ทำให้มีพื้นที่สำหรับแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น ส่งผลให้ iPhone 17 Pro Max กลายเป็น iPhone ที่มีแบตเตอรี่อึดที่สุดในประวัติศาสตร์

สุดในรุ่น! เปิดตัวแล้ว 'iPhone 17 Pro' เจาะสเปก เด็ดทั้งสองรุ่น

กล้องดีกว่าเดิม

นี่คือไฮไลต์ที่แท้จริงสำหรับสายครีเอเตอร์ Apple ได้ยกระบบกล้องไปอีกขั้นด้วย ระบบกล้อง Fusion 48MP สามตัว ทั้งกล้องหลัก อัลตร้าไวด์ และเทเลโฟโต้ใหม่หมดจด แต่ที่ต้องตะลึงคือเลนส์เทเลโฟโต้แบบเตตระปริซึมเจเนอเรชั่นถัดไป ที่มอบการ ซูมคุณภาพระดับออปติคัลได้ไกลถึง 8 เท่า หรือเทียบเท่าเลนส์ 200 มม.

ส่วนกล้องหน้าก็ไม่น้อยหน้า ด้วยกล้องหน้า Center Stage 18MP ใหม่ ที่ฉลาดล้ำ ถ่ายภาพและวิดีโอได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนขณะถือเครื่องในแนวตั้ง และยังมี AI ช่วยขยายมุมมองภาพอัตโนมัติเมื่อถ่ายเซลฟี่เป็นกลุ่ม ทำให้ไม่มีใครหลุดเฟรมอีกต่อไป สำหรับสายวิดีโอ iPhone 17 Pro คือ Game Changer ตัวจริง เพราะเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องแรกของโลกที่รองรับ ProRes RAW, Apple Log 2 และ Genlock ซึ่งเป็นฟีเจอร์ระดับโปรดักชั่นภาพยนตร์ที่ช่วยให้การทำงานกับกล้องหลายตัวเป็นเรื่องง่ายและแม่นยำระดับมืออาชีพ

จอ Super Retina XDR สว่างและแกร่งสุด

หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ยังคงมอบประสบการณ์ภาพที่สวยงามเช่นเคย แต่ครั้งนี้สว่างขึ้นเป็นประวัติการณ์ ด้วยความสว่างสูงสุดเฉพาะจุดถึง 3,000 นิต ทำให้สู้แสงแดดจ้าได้อย่างสบายตา และที่สำคัญที่สุดคือความทนทาน Apple ได้นำ Ceramic Shield 2 มาปกป้องทั้งด้านหน้าและด้านหลังเป็นครั้งแรก ทำให้ทนการขีดข่วนได้ดีขึ้น 3 เท่า และทนการแตกร้าวจากการตกได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า เรียกได้ว่าสวยแกร่งรอบด้านอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

สุดในรุ่น! เปิดตัวแล้ว 'iPhone 17 Pro' เจาะสเปก เด็ดทั้งสองรุ่น

ทรงพลังด้วย iOS 26 และ Apple Intelligence

ฮาร์ดแวร์ที่ล้ำสมัยจะสมบูรณ์แบบไม่ได้หากขาดซอฟต์แวร์ที่ทรงพลัง iOS 26 มาพร้อมดีไซน์ใหม่ที่สวยงาม และหัวใจสำคัญคือ Apple Intelligence ที่จะเปลี่ยนวิธีการใช้งาน iPhone ของคุณไปตลอดกาล ด้วยความสามารถในการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะในแชท, FaceTime หรือการโทรศัพท์ และยังมีความสามารถในการค้นหาสิ่งต่างๆ บนหน้าจอได้อย่างชาญฉลาด ทั้งหมดนี้ทำงานบนอุปกรณ์ได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

ราคาและการวางจำหน่ายในประเทศไทย

iPhone 17 Pro จะเริ่มต้นที่ความจุ 256GB ในราคา 43,900 บาท ส่วน iPhone 17 Pro Max เริ่มต้นที่ความจุ 256GB ในราคา 48,900 บาท และมีรุ่นความจุสูงสุดถึง 2TB เป็นครั้งแรก มีให้เลือก 3 สีใหม่สุดพรีเมียม ได้แก่ สีน้ำเงินเข้ม, สีส้มคอสมิก และสีเงิน

จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 12 กันยายน เวลา 19:00 น. และจะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ที่ 19 กันยายนนี้