'กสทช.' ดันไพรเวท 5G คลื่น 4800 ปูทางสมาร์ตซิตี้-อุตสาหกรรม 4.0

'กสทช.' ดันไพรเวท 5G คลื่น 4800 ปูทางสมาร์ตซิตี้-อุตสาหกรรม 4.0

กสทช.เตรียมเปิดไฟเขียวอนุญาตใช้คลื่น 4800 MHz จำนวน 100 MHz ให้กลุ่มอุตสาหกรรม–ท้องถิ่นนำไปพัฒนาระบบเมืองและโรงงานอัจฉริยะ โดยไม่ต้องประมูล ห้ามหารายได้ หนุนต่อยอดเทคโนโลยี 5G และผลักดัน MVNO เกิดจริงในไทย

KEY

POINTS

  • กสทช. เตรียมเสนอให้บอร์ดพิจารณาอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ 4800 MHz สำหรับ Private 5G
  • กลุ่มเป้าหมายหลักคือภาคอุตสาหกรรมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่สามารถยื่นขอใบอนุญาตได้โดยตรงโดยไม่ต้องผ่านการประมูล
  • ผู้ได้รับอนุญาตจะต้องชำระเพียงค่าธรรมเนียมรายปี และมีเงื่อนไขสำคัญคือห้ามนำคลื่นความถี่ไปใช้เพื่อหารายได้ในเชิงพาณิชย์
  • เป้าหมายสำคัญของการผลักดันครั้งนี้คือเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไปสู่ Industry 4.0 และพัฒนาเมืองอัจฉริยะ
  • การจัดสรรคลื่นนี้จะช่วยให้ภาคส่วนต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเด่นของ 5G เช่น ความหน่วงต่ำ เพื่อพัฒนาระบบอัตโนมัติ

นายสมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการกิจการโทรคมนาคม กสทช. เปิดเผยว่า กำลังเสนอต่อ บอร์ด กสทช. เพื่อพิจารณาอนุญาตให้ใช้งาน คลื่น 4800 MHz ที่มีอยู่ประมาณ 100 MHz โดยจะเปิดโอกาสให้ กลุ่มอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม โรงงาน ท่าเรือ หรือแม้แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต.) ยื่นขออนุญาตใช้งานได้ โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการประมูล เพียงชำระค่าธรรมเนียมรายปีหลักพันถึงหมื่นบาท ภายใต้เงื่อนไข ห้ามนำไปหารายได้เชิงพาณิชย์

เป้าหมายสำคัญ คือการยกระดับระบบอุตสาหกรรมและการพัฒนาเมืองไปสู่ Smart Industry 4.0 และ Smart City เช่น ตัวอย่างกรณีท่าเรือแหลมฉบัง ที่ต้องการระบบควบคุมเครนอัตโนมัติในพื้นที่ ซึ่งมีความสูงและซับซ้อนเกินกว่าที่สายตามนุษย์จะควบคุมได้อย่างแม่นยำ การมีคลื่นใช้งานเฉพาะจะทำให้ระบบอัตโนมัติทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมหรือองค์กรท้องถิ่นที่สนใจต้องเป็นผู้ยื่นขออนุญาตเอง และหากต้องการใช้งานเชิงเทคนิคต้องทำงานร่วมกับผู้วางระบบหรือผู้ให้บริการโทรคมนาคม แต่ต้องไม่นำไปหารายได้ ส่วนค่ายมือถือ หากต้องการนำคลื่นนี้ไปทำธุรกิจในเชิงพาณิชย์ จะต้องเข้าสู่กระบวนการประมูลในรูปแบบ PNO (Private Network Operator)

'กสทช.' ดันไพรเวท 5G คลื่น 4800 ปูทางสมาร์ตซิตี้-อุตสาหกรรม 4.0

นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังคงตั้งเป้าผลักดันให้เกิด MVNO (Mobile Virtual Network Operator) หรือผู้ให้บริการเครือข่ายเสมือนจริงในไทยให้สำเร็จภายใน 2 ปีครึ่งก่อนหมดวาระ เนื่องจากที่ผ่านมา MVNO ไม่สามารถเติบโตได้จากปัญหาต้นทุนเช่าโครงข่ายและค่าโรมมิ่งที่สูงเกินไป หากปรับโครงสร้างต้นทุนและเงื่อนไขใหม่ จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายเล็กเข้ามาแข่งขันได้จริง เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคและลดการผูกขาดของค่ายใหญ่

ปีหน้าจะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากคลื่น 2100 MHz ที่ผู้ให้บริการมือถือใช้งานใกล้หมดอายุ จำเป็นต้องเตรียมการประมูลใหม่ รวมถึงคลื่น 3500 MHz ที่ต้องเร่งจัดเงื่อนไขรองรับภายในปี 2570 เพื่อใช้ในอนาคต แม้ว่าปัจจุบันยังติดปัญหาการใช้งานร่วมกับการแพร่สัญญาณทีวีดิจิทัลก็ตาม

การนำคลื่น 4800 MHz มาจัดสรรในลักษณะ “ใช้งานเฉพาะกลุ่ม” จะช่วยเสริมศักยภาพการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยี 5G ในภาคอุตสาหกรรม ได้อย่างก้าวกระโดด เพราะ 5G มีจุดแข็งด้าน ความหน่วงต่ำ (Low Latency) และ การเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก (Massive IoT) หากภาคอุตสาหกรรมมีคลื่นเฉพาะ จะสามารถสร้างเครือข่าย 5G ส่วนตัว (Private 5G Network) สำหรับการควบคุมหุ่นยนต์ ระบบขนส่งอัจฉริยะ ไปจนถึงโรงงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบได้

สำหรับภาคเมือง เทคโนโลยี 5G ที่ใช้บนคลื่นดังกล่าวยังสามารถต่อยอดไปสู่ Smart Mobility เช่น ระบบรถโดยสารไร้คนขับ การจัดการจราจรแบบเรียลไทม์ และ Smart Healthcare ผ่านการเชื่อมต่ออุปกรณ์การแพทย์จากระยะไกล ทำให้แนวทางของกสทช.ครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรม แต่ยังเป็นการปูรากฐานโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่แท้จริงของประเทศไทยในระยะยาวอีกด้วย